การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน
กลยุทธ์ เป้าหมาย และผลการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน
Sustainable Water Management
ความท้าทายและโอกาสทางธุรกิจ (Challenges and Opportunities)
อุณหภูมิโลกในหลายพื้นที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นระหว่าง 1.5-5 องศาเซลเซียส ตามรายงานของ RCP 8.5 (Representative Concentration Pathways) ภัยธรรมชาติก็มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นสูงขึ้นในทุกทวีป ไม่ว่าจะเป็น ภัยแล้ง คลื่นความร้อน และการเปลี่ยนของแหล่งน้ำ
ประเทศไทยจัดเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Extreme Weather) การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล การภัยแล้งรุนแรง น้ำท่วมอย่างฉับพลัน รวมถึง ปริมาณและคุณภาพของน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติเปลี่ยนแปลง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่มีคุณภาพและเพียงพอต่อความต้องการใช้งานในกิจกรรมธุรกิจจึงเป็นประเด็นที่บริษัทฯให้ความสำคัญทั้งในด้านความเสี่ยงจากการขาดแคลนน้ำสำหรับกระบวนการผลิต การเกิดน้ำท่วมซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถและระยะเวลาการขนส่งวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ การควบคุมคุณภาพน้ำก่อนระบายออกสู่ธรรมชาติเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและชุมชนซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัทฯ และความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้เสีย
บริษัทฯ ตระหนักถึงความเสี่ยงดังกล่าวและให้ความสำคัญแก่ทรัพยากรน้ำซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต จึงได้เริ่มกำหนดนโยบายการบริหารจัดการน้ำ เพื่อเป็นการตอบสนองเป้าหมายที่ 6 ของการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เรื่อง “สร้างหลักประกันว่าจะมีการจัดให้มีน้ำและสุขอนามัยสำหรับทุกคนและมีการบริหารจัดการที่ยั่งยืนคน”
บริษัทฯจะกำหนดโครงการและแผนการบริหารจัดการน้ำมาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้สามารถใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงมีการควบคุมคุณภาพน้ำก่อนปล่อยออกจากโรงงานที่เข้มงวดกว่ามาตรฐานการปล่อยน้ำทิ้งที่กฎหมายกำหนด และพัฒนากระบวนการนำน้ำเสียกลับมาใช้ซ้ำ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อกระบวนการผลิตและลดความเสี่ยงการแย่งชิงน้ำในภาวะขาดแคลนเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทรัพยากรน้ำ
นอกจากนี้ บริษัทฯต้องการสร้างเครือข่ายร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคอุตสาหกรรม รวมถึงเข้าไปมีบทบาทสำคัญ และเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผน และบริหารจัดการน้ำทั้งระดับพื้นที่ และระดับประเทศ เพื่อผลักดันให้เกิดการบริหารจัดการน้ำที่ยั่งยืนตลอดจนร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งต้นน้ำ
บริษัทฯ ได้กำหนดเป้าหมายระยะยาวเพื่อการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้าหมายลดปริมาณการใช้น้ำต่อหน่วยผลิตภัณฑ์ลงร้อยละ 5 ภายในปี 2568 โดยให้ปี 2564 เป็นปีฐาน และระหว่างปีลดลงร้อยละ 1 โดยเทียบกับปีก่อนหน้า นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายการเพิ่มปริมาณการนำน้ำหมุนเวียนกลับมาใช้ร้อยละ 5 ภายในปี 2568 โดยให้ปี 2564 เป็นปีฐาน และระหว่างปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 โดยเทียบกับปีก่อนหน้า
การกำหนดเป้าหมายด้านน้ำ
- เป้าหมายระยะยาว
- ลดการใช้น้ำดิบต่อหน่วยผลิตภัณฑ์ลงร้อยละ 5 ภายในปี 2568 จากปีฐาน 2564
- เพิ่มปริมาณน้ำกลับมาใช้ใหม่ร้อยละ 5 ภายในปี 2568 เมื่อเทียบกับปีเดียวกัน
- เป้าหมายระยะสั้น
- ลดการใช้น้ำดิบต่อหน่วยผลิตภัณฑ์ลงร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้
- เพิ่มปริมาณน้ำกลับมาใช้ใหม่ร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับปีเดียวกัน
- ปัญหาการแย่งชิงน้ำและการขาดแคลนน้ำ เท่ากับ 0
แผนการดำเนินงาน
- กำหนดนโยบายการจัดการสิ่งแวดล้อม และตั้งเป้าหมายลดการใช้ทรัพยากรน้ำทั้งระยะสั้นและระยะยาว
- วางมาตรการและกระบวนการดำเนินการบริหารจัดการน้ำทั้งในระยะการก่อสร้างและพัฒนาโครงการและระยะการดำเนินงาน
- จัดทำแผนภูมิกระบวนการ (Process Flow Diagram) และวิเคราะห์ข้อมูลคุณภาพน้ำเข้าและคุณภาพน้ำออก ตรวจวัดการใช้น้ำอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการวางแผนระบบเปิดปิดน้ำอัตโนมัติ
- ตรวจสอบอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอและซ่อมบำรุงอุปกรณ์ที่ชำรุดหรือก่อให้เกิดการสูญเสียน้ำโดยไม่จำเป็น โดยยึดตามหลัก 5Rs กล่าวคือ Reduce, Reuse, Recycle, Refuse และ Renewable
- ศึกษาการนำน้ำฝนมาใช้ในกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัทโดยเฉพาะช่วงฤดูฝนเพื่อลดการดึงน้ำดิบมา
- ศึกษาและติดตามความเคลื่อนไหวจาก World Resources Institute รวมถึงนำเครื่องมือที่เหมาะสมมาใช้ในกระบวนการวางแผนบริหารจัดการน้ำ เช่น การวิเคราห์ความเครียดน้ำ (Water Stress) ในพื้นที่โรงงาน เพื่อวางแผนการจัดการน้ำได้อย่างเหมาะสม
ผลการดำเนินงาน
ตารางแสดงแหล่งน้ำใช้
สถานที่ |
ซื้อน้ำจาก |
แหล่งน้ำ 1 |
ปริมาณการซื้อน้ำ |
ความแตกต่าง |
|
2565 |
2564 |
(%) |
|||
โรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง |
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย |
น้ำประปาจากแม่น้ำบางปะกง |
239,907 |
277,241 |
13 |
หมายเหตุ :
- หน่วย เป็น ลูกบาศก์เมตร
- ข้อมูลเฉพาะพื้นที่โรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ส่วนโรงงานที่ปิ่นทองจังหวัดชลบุรีพึ่งเริ่มดำเนินการช่วงไตรมาสที่ 4/2565
ตารางแสดงปริมาณการใช้น้ำต่อหน่วยผลิตภัณฑ์และปริมาณการใช้น้ำต่อหน่วยผลิตภัณฑ์
รายละเอียด |
2565 |
2564 |
ปริมาณการดึงน้ำดิบออกจากระบบ(ลูกบาศก์เมตร) |
239,907 |
277,241 |
ปริมาณการใช้น้ำต่อหน่วยผลิตภัณฑ์(ลูกบาศก์เมตรต่อตันการผลิตฟิล์ม) |
1.838 |
1.871 |
หมายเหตุ: ข้อมูลเฉพาะพื้นที่โรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ส่วนโรงงานที่ปิ่นทองจังหวัดชลบุรีกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง
สรุปผลการดำเนินงาน
ในปี 2565บริษัทฯ มีปริมาณการดึงน้ำดิบเท่ากับ 239,907 ลูกบาศก์เมตร ลดลงจากปีก่อนหน้าร้อยละ 13 และมีปริมาณการใช้น้ำต่อหน่วยผลิตภัณฑ์เท่ากับ 1.838 ลูกบาศก์เมตรต่อตันการผลิตการผลิตฟิล์ม ลดลงร้อยละ 2% เมื่อเทียบกับปี 2564 ปริมาณการใช้น้ำที่ลดลงหรือปริมาณการดึงน้ำดิบที่ลดลงมาจากการเพิ่มการใช้น้ำหมุนเวียนในระบบมากขึ้น
บริษัทฯสามารถบรรลุเป้าหมายการลดการซื้อน้ำและเพิ่มการใช้น้ำหมุนเวียนตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ นอกจากนี้ บริษัทฯยังวางแผนกักเก็บน้ำฝนเพื่อใช้ในกิจกรรมธุรกิจของบริษัทฯ คาดว่าจะดำเนินการได้ในปี 2566
การบริหารจัดการน้ำทิ้ง
บริษัทฯ ติดตามและเฝ้าระวังการปล่อยน้ำเสียตลอดห่วงโซ่การผลิต โดยกำหนดและใช้นโยบายอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมหรือแผนงานด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ บริษัทฯ มีการระบายน้ำทิ้งตามข้อกำหนดหรือข้อบังคับทางกฎหมาย ได้แก่ พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 และข้อกำหนดการระบายน้ำทิ้งเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรมของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และเป็นไปตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบที่ระบุไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยน้ำทิ้งที่ปนเปื้อนจะได้รับการบำบัดในระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อให้มั่นใจว่ามีคุณภาพอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของน้ำทิ้งเสมอ โดยมีพารามิเตอร์ในการตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้ง อาทิ ค่าความเป็นกรดด่าง (pH) อุณหภูมิ ค่าซีโอดี (Chemical Oxygen Demand: COD) ค่าบีโอดี (Biological Oxygen Demand: BOD) ค่าของแข็งแขวนลอยทั้งหมด (Total Suspended Solid: TSS) น้ำมันและไขมัน โลหะหนัก เช่น ปรอท (Hg) สารหนู(As) เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการตรวจวัดคุณภาพของการระบายน้ำทิ้งทุกวันผ่านระบบออนไลน์เพื่อติดตามและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน
จากผลการติดตามคุณภาพน้ำในปี 2565พบว่าไม่กรณีปัญหาคุณภาพน้ำเกินค่าตามข้อกำหนดมาตรฐาน และไม่มีปัญหาแย่งชิงน้ำกับผู้มีส่วนได้เสียโดยรอบ
การวิเคราะห์ความตึงเครียดของน้ำ
จากผลวิเคราะห์ความตึงเครียดน้ำของสถาบันทรัพยากรโลก (World Resource Institute: WRI, Aqueduct Water Risk Atlas and the WWF : Physical Risk Quality, Water Stress Filter) พบว่า ระดับความตึงเครียดของแหล่งน้ำในพื้นที่ของโรงงานทั้งสองแห่งและสำนักงานใหญ่มีความตึงเครียดของน้ำในระดับร้อยละ 20-40 (Medium-High)
ตารางแสดงระดับความตึงเครียดของน้ำ
สถานที่ |
Low |
Low-medium |
Medium-high |
High |
Extremely high |
(<10%) |
(10-20%) |
(20-40%) |
(40-80%) |
(>80%) |
|
โรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง |
- |
- |
x |
- |
- |
โรงงานที่ปิ่นทอง จังหวัดชลบุรี |
- |
- |
x |
- |
- |
สำนักงานท่าข้าม |
- |
- |
x |
- |
- |
หมายเหตุ : เข้าถึงข้อมูล ณ วันที่ 30 มีนาคม 2566
ตารางแสดงปริมาณการใช้น้ำกับสัดส่วนการผลิตผลิตภัณฑ์ตามระดับความตึงเครียดของแหล่งน้ำ
สถานที่ |
ระดับความตึงเครียดของน้ำ |
ปริมาณการใช้น้ำ(ลูกบาศก์เมตร) |
ปริมาณการผลิต(ตัน) |
ปริมาณน้ำใช้ต่อหน่วยการผลิต(ลบ.ม./ตัน) |
สัดส่วนการผลิตตามระดับความตึงเครียด |
โรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง |
ปานกลาง (20-40%) |
239,907 |
130,554 |
1.838 |
0.55 |
หมายเหตุ: ข้อมูลเฉพาะพื้นที่โรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ส่วนโรงงานที่ปิ่นทองจังหวัดชลบุรีกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง
มาตรการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน (Corporate Water Stewardship)
ระยะการก่อสร้างและพัฒนา |
ระยะการดำเนินกิจการ |
---|---|
เนื่องจากบริษัทฯ มีโครงการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ทั้งหมด 2 แห่งในบริเวณพื้นที่จังหวัดชลบุรีและในประเทศเวียดนาม มีหลักเกณฑ์การก่อสร้างและพัฒนาโครงการ ดังนี้
|
|
ระยะการก่อสร้างและพัฒนา |
ระยะการดำเนินกิจการ |
---|---|
|
|
โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้กำหนดเป้าหมายลดปริมาณการใช้น้ำต่อหน่วยผลิตภัณฑ์ลงร้อยละ 1 ภายในปี 2565 และเพิ่มเป็นร้อยละ 5 ภายในปี 2568 เมื่อเทียบกับปีฐาน 2564 โดยมีวางแผนและดำเนินการเพื่อบริหารจัดการน้ำผ่านโครงการต่างๆ ดังนี้
- มีการประเมินความเสี่ยงด้านทรัพยากรน้ำในพื้นที่การประกอบกิจการของบริษัทฯ โดยใช้เครื่องมือและวิธีการของ World Resource Intitule (WRI) เพื่อพิจารณาผลกระทบทางด้านน้ำต่อการดำเนินธุรกิจหลักของบริษัทฯ
- การนำหลัก 5Rs มาใช้ในกระบวนการซ่อมบำรุง รวมถึงมีการวางแผนการซ่อมบำรุง การสำรวจจุดรั่วซึมของระบบท่อในโรงงาน และตรวจสภาพของระบบการจ่ายน้ำในกระบวนการผลิตให้ได้มาตรฐานเพื่อการลดการสูญเสียน้ำในกระบวนการผลิต
- การติดตั้งมิเตอร์ย่อยในพื้นที่สำนักงานและแต่ละสายการผลิตเพื่อติดตามการใช้น้ำ เพื่อการบริหารจัดการและวางโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำในแต่ละพื้นที่
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในกระบวนการปรับปรุงซ่อมแซม เช่น การปรับปรุงอ่างล้างมือและสุขภัณฑ์ของโรงงานให้เป็นชนิดประหยัดน้ำ เป็นต้น
- โครงการการหมุนเวียนน้ำชนิด Brine Water ที่ผ่านการใช้งานในกระบวนการผลิตกลับมาใช้ในระบบระบายความร้อน (Cooling System) ของเครื่องจักร ซึ่งเป็นการนำน้ำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่และลดการปล่อยน้ำทิ้งอย่างเปล่าประโยชน์
- โครงการเพิ่มอัตราการนำน้ำจากกระบวนการผลิตของโรงงานหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ให้ได้มากที่สุด โดยการหมุนเวียนน้ำชนิด Brine Water มาใช้สำหรับการล้างตัวกรองในกระบวนการผลิต
- โครงการลดการใช้น้ำในระบบทำความเย็น โดยการติดตั้งระบบทำความเย็นใหม่ที่ใช้การระบายความร้อนด้วยอากาศ (Air Cooled Chiller) แทนระบบเดิมที่ใช้น้ำ