การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน

กลยุทธ์ เป้าหมาย และผลการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน

Sustainable Water Management

ความท้าทายและโอกาสทางธุรกิจ (Challenges and Opportunities)

อุณหภูมิโลกในหลายพื้นที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นระหว่าง 1.5-5 องศาเซลเซียส ตามรายงานของ RCP 8.5 (Representative Concentration Pathways) ภัยธรรมชาติก็มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นสูงขึ้นในทุกทวีป ไม่ว่าจะเป็น ภัยแล้ง คลื่นความร้อน และการเปลี่ยนของแหล่งน้ำ

ประเทศไทยจัดเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Extreme Weather) การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล การภัยแล้งรุนแรง น้ำท่วมอย่างฉับพลัน รวมถึง ปริมาณและคุณภาพของน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติเปลี่ยนแปลง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่มีคุณภาพและเพียงพอต่อความต้องการใช้งานในกิจกรรมธุรกิจจึงเป็นประเด็นที่บริษัทฯให้ความสำคัญทั้งในด้านความเสี่ยงจากการขาดแคลนน้ำสำหรับกระบวนการผลิต การเกิดน้ำท่วมซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถและระยะเวลาการขนส่งวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ การควบคุมคุณภาพน้ำก่อนระบายออกสู่ธรรมชาติเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและชุมชนซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัทฯ และความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้เสีย

บริษัทฯ ตระหนักถึงความเสี่ยงดังกล่าวและให้ความสำคัญแก่ทรัพยากรน้ำซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต จึงได้เริ่มกำหนดนโยบายการบริหารจัดการน้ำ เพื่อเป็นการตอบสนองเป้าหมายที่ 6 ของการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เรื่อง “สร้างหลักประกันว่าจะมีการจัดให้มีน้ำและสุขอนามัยสำหรับทุกคนและมีการบริหารจัดการที่ยั่งยืนคน”

บริษัทฯจะกำหนดโครงการและแผนการบริหารจัดการน้ำมาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้สามารถใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงมีการควบคุมคุณภาพน้ำก่อนปล่อยออกจากโรงงานที่เข้มงวดกว่ามาตรฐานการปล่อยน้ำทิ้งที่กฎหมายกำหนด และพัฒนากระบวนการนำน้ำเสียกลับมาใช้ซ้ำ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อกระบวนการผลิตและลดความเสี่ยงการแย่งชิงน้ำในภาวะขาดแคลนเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทรัพยากรน้ำ

            นอกจากนี้ บริษัทฯต้องการสร้างเครือข่ายร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคอุตสาหกรรม รวมถึงเข้าไปมีบทบาทสำคัญ และเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผน และบริหารจัดการน้ำทั้งระดับพื้นที่ และระดับประเทศ เพื่อผลักดันให้เกิดการบริหารจัดการน้ำที่ยั่งยืนตลอดจนร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งต้นน้ำ

บริษัทฯ ได้กำหนดเป้าหมายระยะยาวเพื่อการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้าหมายลดปริมาณการใช้น้ำต่อหน่วยผลิตภัณฑ์ลงร้อยละ 5 ภายในปี 2568 โดยให้ปี 2564 เป็นปีฐาน และระหว่างปีลดลงร้อยละ 1 โดยเทียบกับปีก่อนหน้า นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายการเพิ่มปริมาณการนำน้ำหมุนเวียนกลับมาใช้ร้อยละ 5 ภายในปี 2568 โดยให้ปี 2564 เป็นปีฐาน และระหว่างปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 โดยเทียบกับปีก่อนหน้า

การกำหนดเป้าหมายด้านน้ำ

  • เป้าหมายระยะยาว
  • ลดการใช้น้ำดิบต่อหน่วยผลิตภัณฑ์ลงร้อยละ 5 ภายในปี 2568 จากปีฐาน 2564
  • เพิ่มปริมาณน้ำกลับมาใช้ใหม่ร้อยละ 5 ภายในปี 2568 เมื่อเทียบกับปีเดียวกัน
  • เป้าหมายระยะสั้น
  • ลดการใช้น้ำดิบต่อหน่วยผลิตภัณฑ์ลงร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้
  • เพิ่มปริมาณน้ำกลับมาใช้ใหม่ร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับปีเดียวกัน
  • ปัญหาการแย่งชิงน้ำและการขาดแคลนน้ำ เท่ากับ 0

 

แผนการดำเนินงาน

  • กำหนดนโยบายการจัดการสิ่งแวดล้อม และตั้งเป้าหมายลดการใช้ทรัพยากรน้ำทั้งระยะสั้นและระยะยาว
  • วางมาตรการและกระบวนการดำเนินการบริหารจัดการน้ำทั้งในระยะการก่อสร้างและพัฒนาโครงการและระยะการดำเนินงาน
  • จัดทำแผนภูมิกระบวนการ (Process Flow Diagram) และวิเคราะห์ข้อมูลคุณภาพน้ำเข้าและคุณภาพน้ำออก ตรวจวัดการใช้น้ำอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการวางแผนระบบเปิดปิดน้ำอัตโนมัติ
  • ตรวจสอบอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอและซ่อมบำรุงอุปกรณ์ที่ชำรุดหรือก่อให้เกิดการสูญเสียน้ำโดยไม่จำเป็น โดยยึดตามหลัก 5Rs กล่าวคือ Reduce, Reuse, Recycle, Refuse และ Renewable
  • ศึกษาการนำน้ำฝนมาใช้ในกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัทโดยเฉพาะช่วงฤดูฝนเพื่อลดการดึงน้ำดิบมา
  • ศึกษาและติดตามความเคลื่อนไหวจาก World Resources Institute รวมถึงนำเครื่องมือที่เหมาะสมมาใช้ในกระบวนการวางแผนบริหารจัดการน้ำ เช่น การวิเคราห์ความเครียดน้ำ (Water Stress) ในพื้นที่โรงงาน เพื่อวางแผนการจัดการน้ำได้อย่างเหมาะสม

ผลการดำเนินงาน

ตารางแสดงแหล่งน้ำใช้

สถานที่

ซื้อน้ำจาก

แหล่งน้ำ 1

ปริมาณการซื้อน้ำ

ความแตกต่าง

2565

2564

(%)

โรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

น้ำประปาจากแม่น้ำบางปะกง

239,907

277,241

 13

หมายเหตุ :

  1. หน่วย เป็น ลูกบาศก์เมตร
  2. ข้อมูลเฉพาะพื้นที่โรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ส่วนโรงงานที่ปิ่นทองจังหวัดชลบุรีพึ่งเริ่มดำเนินการช่วงไตรมาสที่ 4/2565

 

ตารางแสดงปริมาณการใช้น้ำต่อหน่วยผลิตภัณฑ์และปริมาณการใช้น้ำต่อหน่วยผลิตภัณฑ์

รายละเอียด

2565

2564

ปริมาณการดึงน้ำดิบออกจากระบบ(ลูกบาศก์เมตร)

239,907

277,241

ปริมาณการใช้น้ำต่อหน่วยผลิตภัณฑ์(ลูกบาศก์เมตรต่อตันการผลิตฟิล์ม)

                           1.838

                           1.871

หมายเหตุ: ข้อมูลเฉพาะพื้นที่โรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ส่วนโรงงานที่ปิ่นทองจังหวัดชลบุรีกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง

สรุปผลการดำเนินงาน

ในปี 2565บริษัทฯ มีปริมาณการดึงน้ำดิบเท่ากับ 239,907 ลูกบาศก์เมตร ลดลงจากปีก่อนหน้าร้อยละ 13 และมีปริมาณการใช้น้ำต่อหน่วยผลิตภัณฑ์เท่ากับ 1.838 ลูกบาศก์เมตรต่อตันการผลิตการผลิตฟิล์ม ลดลงร้อยละ 2% เมื่อเทียบกับปี 2564 ปริมาณการใช้น้ำที่ลดลงหรือปริมาณการดึงน้ำดิบที่ลดลงมาจากการเพิ่มการใช้น้ำหมุนเวียนในระบบมากขึ้น

บริษัทฯสามารถบรรลุเป้าหมายการลดการซื้อน้ำและเพิ่มการใช้น้ำหมุนเวียนตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ นอกจากนี้ บริษัทฯยังวางแผนกักเก็บน้ำฝนเพื่อใช้ในกิจกรรมธุรกิจของบริษัทฯ คาดว่าจะดำเนินการได้ในปี 2566

 

การบริหารจัดการน้ำทิ้ง

บริษัทฯ ติดตามและเฝ้าระวังการปล่อยน้ำเสียตลอดห่วงโซ่การผลิต โดยกำหนดและใช้นโยบายอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมหรือแผนงานด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ บริษัทฯ มีการระบายน้ำทิ้งตามข้อกำหนดหรือข้อบังคับทางกฎหมาย ได้แก่ พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 และข้อกำหนดการระบายน้ำทิ้งเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรมของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และเป็นไปตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบที่ระบุไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยน้ำทิ้งที่ปนเปื้อนจะได้รับการบำบัดในระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อให้มั่นใจว่ามีคุณภาพอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของน้ำทิ้งเสมอ โดยมีพารามิเตอร์ในการตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้ง อาทิ ค่าความเป็นกรดด่าง (pH) อุณหภูมิ ค่าซีโอดี (Chemical Oxygen Demand: COD) ค่าบีโอดี (Biological Oxygen Demand: BOD) ค่าของแข็งแขวนลอยทั้งหมด (Total Suspended Solid: TSS) น้ำมันและไขมัน โลหะหนัก เช่น ปรอท (Hg) สารหนู(As) เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการตรวจวัดคุณภาพของการระบายน้ำทิ้งทุกวันผ่านระบบออนไลน์เพื่อติดตามและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน

จากผลการติดตามคุณภาพน้ำในปี 2565พบว่าไม่กรณีปัญหาคุณภาพน้ำเกินค่าตามข้อกำหนดมาตรฐาน และไม่มีปัญหาแย่งชิงน้ำกับผู้มีส่วนได้เสียโดยรอบ

การวิเคราะห์ความตึงเครียดของน้ำ

          จากผลวิเคราะห์ความตึงเครียดน้ำของสถาบันทรัพยากรโลก (World Resource Institute: WRI, Aqueduct Water Risk Atlas and the WWF : Physical Risk Quality, Water Stress Filter) พบว่า ระดับความตึงเครียดของแหล่งน้ำในพื้นที่ของโรงงานทั้งสองแห่งและสำนักงานใหญ่มีความตึงเครียดของน้ำในระดับร้อยละ 20-40 (Medium-High)

ตารางแสดงระดับความตึงเครียดของน้ำ

สถานที่

Low

Low-medium

Medium-high

High

Extremely high

(<10%)

(10-20%)

(20-40%)

(40-80%)

(>80%)

โรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง

 -

 -

x

 -

โรงงานที่ปิ่นทอง จังหวัดชลบุรี

 -

 -

x

 -

 -

สำนักงานท่าข้าม

 -

x

 -

หมายเหตุ : เข้าถึงข้อมูล ณ วันที่ 30 มีนาคม 2566

 

ตารางแสดงปริมาณการใช้น้ำกับสัดส่วนการผลิตผลิตภัณฑ์ตามระดับความตึงเครียดของแหล่งน้ำ

สถานที่

ระดับความตึงเครียดของน้ำ

ปริมาณการใช้น้ำ(ลูกบาศก์เมตร)

ปริมาณการผลิต(ตัน)

ปริมาณน้ำใช้ต่อหน่วยการผลิต(ลบ.ม./ตัน)

สัดส่วนการผลิตตามระดับความตึงเครียด

โรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง

ปานกลาง (20-40%)

239,907

130,554

1.838

0.55

หมายเหตุ: ข้อมูลเฉพาะพื้นที่โรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ส่วนโรงงานที่ปิ่นทองจังหวัดชลบุรีกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง

 

มาตรการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน (Corporate Water Stewardship)

ระยะการก่อสร้างและพัฒนา

ระยะการดำเนินกิจการ

เนื่องจากบริษัทฯ มีโครงการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ทั้งหมด 2 แห่งในบริเวณพื้นที่จังหวัดชลบุรีและในประเทศเวียดนาม มีหลักเกณฑ์การก่อสร้างและพัฒนาโครงการ ดังนี้

  • พิจารณาพื้นที่ตั้งโรงงานในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมหรือพื้นที่ที่มีระบบการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ โดยประกอบด้วย มีการป้องกันน้ำท่วม ระบบผลิตน้ำและควบคุมคุณภาพน้ำทิ้งที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงมีระบบการระบายน้ำที่ดีรวมถึงบริษัทฯ จะมีการออกแบบระบบระบายน้ำ ระบบการป้องกันน้ำท่วม ระบบผลิตน้ำ และระบบการควบคุมคุณภาพน้ำทิ้งภายในพื้นที่โรงงานตามข้อกำหนด กฎหมาย และมาตรฐานการก่อสร้างที่กำหนดไว้
  • จัดทำแผนภูมิกระบวนการ (Process Flow Diagram) และวิเคราะห์ข้อมูลของคุณภาพน้ำเข้าและน้ำออก และตรวจวัดการใช้น้ำอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการวางระบบเปิด-ปิดน้ำอัตโนมัติ และระบบตรวจติดตามการใช้น้ำอัตโนมัติ
  • มีการประเมินความเสี่ยงด้านทรัพยากรน้ำในพื้นที่การประกอบกิจการของบริษัทฯ โดยใช้เครื่องมือและวิธีการของ World Resource Intitule (WRI)เพื่อพิจารณาผลกระทบทางด้านน้ำต่อการดำเนินธุรกิจหลักของบริษัทฯ ในประเทศไทย โดยพบว่า พื้นที่ประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ในลุ่มแม่นํ้าโขงและแม่นํ้าเจ้าพระยามีระดับความเสี่ยงในการขาดแคลนนํ้าปานกลางถึงสูง (Medium-High Risk Level)ดังนั้นบริษัทฯ จึงได้กำหนดมาตรการดูแลและเตรียมพร้อมรับสถานการณ์โดยยึดตามหลัก 5Rsโดยการลดการใช้นํ้าโดยการใช้เท่าที่จำเป็น การนำน้ำกลับมาใช้ซํ้าให้คุ้มค่ามากที่สุด ลดและเลิกใช้สารเคมีอันตรายที่ก่อให้เกิดน้ำเสียปนเปื้อน รวมถึงการนำนํ้าเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วมาปรับปรุงคุณภาพและนำกลับไปใช้ใหม่ โดยการกำหนดมาตรการบริหารจัดการน้ำในการดำเนินกิจการ ประกอบด้วย
  • การนำหลัก 5Rs มาใช้ในกระบวนการซ่อมบำรุง รวมถึงมีการวางแผนการซ่อมบำรุง การสำรวจจุดรั่วซึมของระบบท่อในโรงงาน และตรวจสภาพของระบบการจ่ายน้ำในกระบวนการผลิตให้ได้มาตรฐานเพื่อการลดการสูญเสียน้ำในกระบวนการผลิต
  • การติดตั้งมิเตอร์ย่อยในพื้นที่สำนักงานและแต่ละสายการผลิตเพื่อติดตามการใช้น้ำ เพื่อการบริหารจัดการและวางโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำในแต่ละพื้นที่

 

ระยะการก่อสร้างและพัฒนา

ระยะการดำเนินกิจการ

  • กำหนดมาตรฐานการออกแบบและก่อสร้างเพื่อวัตถุประสงค์ในการประหยัดและลดการสูญเสียน้ำ โดยพิจารณา
  • เลือกใช้อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพในการใช้น้ำที่ดีที่สุด เช่น การเลือกใช้งานสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ
  • เลือกใช้ระบบควบคุมการเปิดปิดอัตโนมัติ
  • เพิ่มแหล่งน้ำทางเลือก โดยการสร้างบ่อสำหรับกักเก็บน้ำฝนขนาด 8,500 ลูกบาศก์เมตรเพื่อใช้ภายในโรงงานของบริษัทฯ ในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง
  • การติดตั้งระบบตรวจจับการรั่วของน้ำ
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในกระบวนการก่อสร้างและพัฒนาโครงการ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรองฉลากประหยัดน้ำ ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรองด้านสิ่งแวดล้อม
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในกระบวนการปรับปรุงซ่อมแซม เช่น การปรับปรุงอ่างล้างมือและสุขภัณฑ์ของโรงงานให้เป็นชนิดประหยัดน้ำ เป็นต้น
  • การจัดเตรียมพื้นที่กักเก็บน้ำประปาสำรองในบริเวณพื้นที่โรงงาน ปริมาณรวม 1,423 ลูกบาศก์เมตร และมีกระบวนการตรวจสอบปริมาณน้ำสำรองทุกสัปดาห์
  • การจัดทำโครงการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ โดยในปี 2565ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการดำเนินโครงการ ดังนี้
  • โครงการการหมุนเวียนน้ำชนิด Brine Water ที่ผ่านการใช้งานในกระบวนการผลิตกลับมาใช้ในระบบระบายความร้อน (Cooling System) ของเครื่องจักร
  • โครงการลดการใช้น้ำในระบบทำความเย็น โดยการติดตั้งระบบทำความเย็นใหม่ที่ใช้การระบายความร้อนด้วยอากาศ (Air Cooled Chiller) แทนระบบเดิมที่ใช้น้ำ
  • การเพิ่มการใช้แหล่งน้ำทางเลือก เช่น การจัดให้มีบ่อกักเก็บน้ำฝนขนาด 480 ลูกบาศก์เมตรเพื่อใช้เป็นน้ำสำรองสำหรับการดับเพลิงหรือเหตุฉุกเฉินต่างๆ เป็นต้น

 

โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้กำหนดเป้าหมายลดปริมาณการใช้น้ำต่อหน่วยผลิตภัณฑ์ลงร้อยละ 1 ภายในปี 2565 และเพิ่มเป็นร้อยละ 5 ภายในปี 2568 เมื่อเทียบกับปีฐาน 2564 โดยมีวางแผนและดำเนินการเพื่อบริหารจัดการน้ำผ่านโครงการต่างๆ ดังนี้

- จัดทำแผนภูมิกระบวนการ (Process Flow Diagram) และวิเคราะห์ข้อมูลของคุณภาพน้ำเข้าและน้ำออก และตรวจวัดการใช้น้ำอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการวางระบบเปิด-ปิดน้ำอัตโนมัติ และระบบตรวจติดตามการใช้น้ำอัตโนมัติ

- มีการประเมินความเสี่ยงด้านทรัพยากรน้ำในพื้นที่การประกอบกิจการของบริษัทฯ โดยใช้เครื่องมือและวิธีการของ World Resource Intitule (WRI) เพื่อพิจารณาผลกระทบทางด้านน้ำต่อการดำเนินธุรกิจหลักของบริษัทฯ

- การนำหลัก 5Rs มาใช้ในกระบวนการซ่อมบำรุง รวมถึงมีการวางแผนการซ่อมบำรุง การสำรวจจุดรั่วซึมของระบบท่อในโรงงาน และตรวจสภาพของระบบการจ่ายน้ำในกระบวนการผลิตให้ได้มาตรฐานเพื่อการลดการสูญเสียน้ำในกระบวนการผลิต

- การติดตั้งมิเตอร์ย่อยในพื้นที่สำนักงานและแต่ละสายการผลิตเพื่อติดตามการใช้น้ำ เพื่อการบริหารจัดการและวางโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำในแต่ละพื้นที่

- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในกระบวนการปรับปรุงซ่อมแซม เช่น การปรับปรุงอ่างล้างมือและสุขภัณฑ์ของโรงงานให้เป็นชนิดประหยัดน้ำ เป็นต้น

- โครงการการหมุนเวียนน้ำชนิด Brine Water ที่ผ่านการใช้งานในกระบวนการผลิตกลับมาใช้ในระบบระบายความร้อน (Cooling System) ของเครื่องจักร ซึ่งเป็นการนำน้ำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่และลดการปล่อยน้ำทิ้งอย่างเปล่าประโยชน์

- โครงการเพิ่มอัตราการนำน้ำจากกระบวนการผลิตของโรงงานหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ให้ได้มากที่สุด โดยการหมุนเวียนน้ำชนิด Brine Water มาใช้สำหรับการล้างตัวกรองในกระบวนการผลิต

- โครงการลดการใช้น้ำในระบบทำความเย็น โดยการติดตั้งระบบทำความเย็นใหม่ที่ใช้การระบายความร้อนด้วยอากาศ (Air Cooled Chiller) แทนระบบเดิมที่ใช้น้ำ