การบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ

 

 

 

       บริษัทฯ ตระหนักถึงการดำเนินกิจกรรมของมนุษย์และการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วที่ส่งผลให้เกิดการใช้ทรัพยากรที่เพิ่มขึ้น และส่งผลกระทบที่สำคัญต่อความหลากหลายทางชีวภาพบนโลก บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นที่จะหลีกเลี่ยงการดำเนินงานที่อาจส่งผลกระทบต่อความสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพเป็นอันดับแรก เนื่องจากความหลากหลายทางชีวภาพมีความสำคัญต่ญต่อการดำเนินธุรกิจ เศรษฐกิจ และสังคม อีกทั้ง ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อต่อต้นทุนทางธรรมชาติ (Natural Capital) และยังประโยชน์ต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพยังช่วยสร้างความมั่นคงของระบบนิเวศ (Ecological Integrity) ความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ (Ecosystem Integrity) และสุขภาพของระบบนิเวศ (Ecosystem) 
      อีกทั้งบริษัทฯ ดำเนินการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ สร้างสมดุลนิเวศเชิงบวก(Net Positive Impact) หรือไม่ก่อให้เกิดความสูญเสียคุณค่าด้านความหลากหลายทางชีวภาพสุทธิ (No Net Loss)  เพื่อดำรงไว้ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพ ในกรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จึงต้องมีการดำเนินการลดผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพและฟื้นฟูผลกระทบให้กลับสภาพเดิมได้โดยเร็ว     
       บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าความยั่งยืนเป็นการรักษาสมดุลในการดำเนินธุรกิจของทั้ง 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ด้วยการดำเนินกิจกรรมตลอดห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้ง อาจส่งผลกระทบต่อการบริการของระบบนิเวศ (Ecosystem Service) และความสูญเสียต่อหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Loss) บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นที่จะรับผิดชอบในการปกป้องและรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของระบบนิเวศ ผ่านการกำกับดูแลที่เพียงพอและเหมาะสม รวมทั้งการบริหารจัดการอย่างมีความรับผิดชอบ

โอกาสและความท้าทาย      

      ในฐานะที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการผลิตฟิล์มบรรจุภัณฑ์ บริษัทฯ เผชิญหน้ากับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมหลากหลายประการ ทั้งการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานในกระบวนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ การกำจัดซากและการย่อยสลายของบรรจุภัณฑ์หลังจากการใช้งานเสร็จสิ้น ซึ่งล้วนมีผลต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทเป็นอย่างยิ่ง บริษัทฯ จึงดำเนินการรับมือและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ประสิทธิภาพสูง ใช้พลังงานต่ำ ใช้พลังงานสะอาด อาทิ โครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา และการใช้น้ำจากธรรมชาติ อาทิ บ่อกักเก็บน้ำฝน นอกจากนี้ยังศึกษาแนวโน้มและผลกระทบของการใช้บรรจุภัณฑ์และคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศของโลก เพื่อเสนอทางเลือกที่เหมาะสมแก่ลูกค้า อีกทั้งยังร่วมมือกับคู่ค้า (Supplier) และพันธมิตร (Partner) เพื่อกำหนดเป้าหมายและคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เพื่อให้เกิดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่าธุรกิจ ดังนั้นบริษัทฯ จึงมีประเมินผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ดังต่อไปนี้

การประเมินผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพและการพึ่งพาความหลากหลายทางชีวภาพ

     

 

หลังการประเมินผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ พบว่าผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่า มาจาก 2 ส่วน ดังนี้

1.กิจกรรมจากการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ การได้มาซึ่งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากปิโตรเคมี
2.การขยายฐานการผลิต ได้แก่ การก่อตั้งโรงงานใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการเพิ่มสายการผลิต
 

การกำหนดให้ความหลากหลายทางชีวภาพเป็นหนึ่งในสาระสำคัญของบริษัทฯ      

      ในปีพ.ศ. 2567 บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจอย่างความยั่งยืนโดยคำนึงถึง การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อลดผลกระทบต่อการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพในระบบนิเวศ และการลงทุนขยายฐานการผลิตของบริษัทฯจะต้องไม่สร้างผลกระทบต่อความหลายทางชีวภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และดำเนินการเข้าร่วมกับภาครัฐและเอกชนในการรัักษาสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างต่อเนื่อง

แนวทางบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ

1.การกำกับและดูแลการดำเนินธุรกิจกับความหลากหลายทางชีวภาพ

      บริษัทฯ กำหนดให้คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและการจัดการด้านความยั่งยืนเป็นผู้กำกับและดูแลการดำเนินงานเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ คณะกรรมการมีหน้าที่ในการทบทวนนโยบายความหลากหลายทางชีวภาพ กลยุทธ์การบริหารงาน และมอบหมายให้ฝ่ายบริหารมีการดำเนินงานที่ตอบสนองต่อประเด็นด้านความหลากหลายทางซีวภาพอย่างเหมาะสมกับบริบทของบริษัทฯ

2.กลยุทธ์ความหลากหลายทางชีวภาพ      

แนวปฏิบัติความหลากหลายทางชีวภาพ

1. บริหารจัดการด้านความหลากหลายทางชีวภาพตามหลักการการบรรเทาผลกระทบตามชั้น (Mitigation Hierarchy) โดยจะหลีกเลี่ยง (Avoid) กิจกรรมทางธุรกิจที่มีผลกระทบทางลบต่อความหลากหลายทางชีวภาพก่อนเป็นอันดับแรก กรณีไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จะดำเนินการลดผลกระทบเชิงลบ (Mitigate) พื้นฟูผลกระทบ (Restore) และชดเชย (Offset) ความสูญเสียตามลำดับ
2. ปฏิบัติตามภฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางชีวภาพทั้งภายในประเทศและตามประเทศที่เข้าไปดำเนินกิจการ
3. หลีกเลี่ยงการขยายธุรกิจไปยังพื้นที่ที่มีความสำคัญสูงต่อความหลากหลายทางชีวภาพตาม IUCN
4. สนับสนุนการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพโดยไม่ก่อให้เกิดการสูญเสียโดยสุทธิ (No Net Loss) และการสูญเสียพื้นที่ป่าไม้สุทธิ (No Deforestation) โดยไม่จำเป็น
5. ส่งเสริมให้พนักงานเกิดวัฒนธรรมความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและรักษาไว้ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพ


การสนับสนุนการผลิตภัณฑ์ที่สร้างผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพน้อยที่สุด

      ในปีพ.ศ. 2567 บริษัทฯ สนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์ที่สร้างผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพน้อยที่สุดตามนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมอีกทั้งบริษัทฯ  มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยพัฒนาร่วมกับลูกค้า อาทิ ฟิล์มพลาสติก Post-Consumer Recycled Resin (PCR) เป็นการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้ว นำเข้าสู่กระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ และ Post-Industrial Recycled Resin (PIR)เป็นกระบวนการผลิตที่มุ่งมั่นในการลดของเหลือจากกระบวนการผลิต หมุนเวียนให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีการรวบรวมเศษพลาสติกเหลือจากกระบวนการผลิต หลอมรวมมาผลิตเป็นแผ่นฟิล์มพลาสติกอีกครั้ง และฟิล์มพลาสติกชีวภาพ (Bio-Based) เป็นฟิล์มพลาสติกที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกชีวภาพที่ผลิตจากพืชเช่น อ้อย น้ำมันพืชที่ใช้แล้วซึ่งเป็นพลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ จากที่กล่าวมาถือว่าเป็นกระบวนการลดการใช้วัตถุดิบลง ลดปริมาณของขยะที่อาจถูกนำไปสู่การฝังกลบ และยังช่วยสนับสนุนการรักษาไว้ซึ่งความหลายหลายทางชีวภาพ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังส่งเสริมผลิตภัณฑ์ตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งลดการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติบางส่วน ซึ่งรายละเอียดสามารถศึกษาได้ที่ หัวข้อ การบริหารนวัตกรรม

การขยายกิจการในพื้นที่ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ

      บริษัทฯ หลีกเลี่ยงการขยายกิจการในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อความหลากหลายทางชีวภาพ และยังมีการจัดพื้นที่สีเขียวในโรงงานนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังและปิ่นทอง 5 เท่าร้อยละ 19.39 และ 5.89 ตามลำดับ โดยพื้นที่สีเขียวในโรงงานให้ความร่มรื่นแก่พนักงาน และยังเป็นสถานที่พักผ่อนจากการทำงานให้กับพนักงาน กรณีที่มีการขยายกิจการ บริษัทฯ  จะต้องพิจารณาหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่เข้าไปประกอบกิจการว่าเข้าข่ายพื้นที่ที่ตาม IUCN ทั้ง 6 พื้นที่ (IUCN protected areas)รายละเอียดตามตารางด้านล่าง

  

      ในปีพ.ศ. 2567 บริษัทฯ มีการก่อสร้างโรงงาน การผลิตฟิล์ม BOPET และสายผลิต Metallized ณ นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 5 ทั้งนี้้ โครงการดังกล่าวไม่จัดอยู่ในขอบเขตพื้นที่ทั้ง 6 รายการตาม IUCN


การดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของโครงการก่อสร้างที่โรงงานเอ.เจ.พลาสท์ (เวียดนาม) จำกัด     

  ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการระบายน้ำทิ้ง และก่อสร้างคำนึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศเวียดนาม ซึ่งทางบริษัทได้มีการควบคุมมลภาวะที่เกิดจากกระบวนการผลิตให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม

1. ควบคุมความดังของเสียง การสั่นสะเทือน ในกระบวนการผลิต
2. ควบคุมการปล่อยมลพิษทางอากาศ
3. ควบคุมการปล่อยน้ำทิ้งจากกระบวนการผลิต
4. ควบคุมและบริหารจัดการของเสียอุตสาหกรรมให้เกิดความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด
 
 
 
     


การดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของโครงการก่อสร้างที่นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 5

           

   


โครงการเพื่อลดผลกระทบความหลากหลายทางชีวภาพ

      

      บริษัทฯ เข้าร่วมโครงการปลูกเพื่อ (ลด) สู่อนาคตที่ยั่งยืน ณ ป่าชายเลนบ้านแหลมฉบัง ร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ซึ่งโครงการมีการปลูกต้นไม้จำนวนทั้งสิ้น 600 ต้น และยังให้ความรู้แก่นักเรียนเพื่อให้ทราบถึงประโยชน์ของการปลูกป่าชายเลน และโครงการเครือสีเขียวเพื่อความยั่งยืน (THSG& UCT Sustainable Network) ณ ป่าชายเลน วัดคงคาราม (บน) ต.บางประกง อ.บางประกง จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีกิจกรรมปลุกต้นกล้า 999 ต้น กิจกรรมสร้างบ้านปลา 9 หลัง กิจกรรมสร้างคอนโดปู 9 หลังและกิจกรรมเก็บขยะป่าชายเลน บริษัทฯ ยังคงมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างต่อเนื่อง 

ช่องทางติดต่อ

หากมีข้อเสนอแนะหรือให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ส่งอีเมลที่ sustain@ajplast.co.th
กรณีมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพหรือการดำเนินงานสิ่งแวดล้อม แจ้งที่ whistleblowing@ajplast.co.th