ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

 

    บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย  อาชีวอนามัย  และสภาพแวดล้อมในการทำงาน  ด้วยความมุ่งมั่นที่จะให้เกิดการสร้างรากฐานระบบการทำงานที่ปลอดภัยและมีสุขอนามัยที่ดีต่อพนักงาน คู่ค้า ผู้รับเหมา ตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการทำงานที่ดีและเป็นการสร้างสังคมการทำงานที่ปลอดภัยให้กับองค์กรสอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ ผ่านการกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติ รวมถึงมีการส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมการทำงานที่ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงจากการประสบอันตรายและเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน และดูแลคุณภาพชีวิตของพนักงานหรือลูกจ้างอย่างเหมาะสม โดยมีเป้าหมายของบริษัทฯ ที่กำหนดให้อุบัติเหตุเป็นศูนย์ (Zero Fatality) เพื่อการดำเนินธุรกิจที่ต่อเนื่องและยั่งยืน

 

นโยบายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

 

แนวทางการบริหารจัดการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

     บริษัทฯ กำหนดกรอบการบริหารจัดการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน บริษัทฯ กำหนดโครงสร้างการกำกับและบริหารจัดการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ครอบคุลมตั้งแต่คณะกรรมการบริษัทฯ และถ่ายทอดไปยังระดับปฏิบัติการเพื่อให้การบริหารจัดกรการดำเนินงานสอดคล้องต่อกลยุทธ์และเป้าหมายของบริษัทฯ ดังนี้

       บริษัทฯ มีการแต่งตั้งคณะกรรมการความปลอดภัย  อาชีวอนามัย  และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (คปอ.) เพื่อให้บริษัทฯ มีการปฏิบัติงานด้านความปลอดภัย แาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี และมีการปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยคปอ. ประกอบด้วยผู้แทนจากผู้บริหาร และผู้แทนจากพนักงานระดับปฏิบัติการที่มาจากการเลือกตั้ง  รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพเป็นเลขานุการ ซึ่งบทบาทหน้าที่ของ คปอ. มีการจัดทำนโยบายด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน มีการจัดทำแนวทางการป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุอันเนื่องจากการทำงานหรือความไม่ปลอดภัยในการทำงานเสนอต่อบริษัทฯ รวมทั้งมีการติดตามและรายงานผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยในการทำงานเสนอให้ผู้บริหารระดับสูง ซึ่งมีกรรมการผู้จัดการ และคณะกรรมการบริษัทฯ ได้ร่วมทบทวนการปฏิบัติงานและกำกับดูแลให้มีการดำเนินการตามนโยบาย และทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ในการดำเนินงานยังมีการติดตามและรายงานผลผ่านหน่วยงานบริหารความเสี่ยง คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง รวมทั้งคณะกรรมการบริษัทฯ ยังแต่งตั้งคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและการจัดการด้ายความยั่งยืน เพื่อควบคุม กำกับดูแลการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนของบริษัทฯ และมีคณะกรรมการปฏิบัติงานด้านบรรษัทภิบาลและการพัฒนาความยั่งยืนเพื่อมาร่วมติดตามและทบทวนการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น 

     บริษัทฯ จัดให้มีการตรวจประเมินด้านความเสี่ยงและความปลอดภัยในพื้นที่ปฏิบัติการ รวมถึงพื้นที่อื่น ๆ ที่มีการดำเนินโครงการใหม่ นอกจากนี้บริษัทฯ มีการจัดตั้งฝ่ายความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม  โดยมี คปอ. แต่ละโรงงาน  เพื่อการบริหารงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ขับเคลื่อนร่วมกับการกำหนดเป้าหมายและแผนการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ 

    บริษัทฯ มีการติดตามผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พร้อมทบทวนแนวทางการบริหารจัดการโดยฝ่ายบริหารอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งการประเมินความเสี่ยงของการดำเนินงาน โดยมีกระบวนการในการบ่งชี้อันตราย การประเมินระดับความเสี่ยง และการสอบสวนอุบัติการณ์ เพื่อระบุประเด็นประเมินความเสี่ยง (Risk) และโอกาส (Opportunity) ครอบคลุมกระบวนการปฏิบัติงาน กิจกรรม และพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน เครื่องจักร อุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต ตลอดจนกิจกรรมในการดำเนินการของผู้รับเหมาที่มีนัยสำคัญต่อหน่วยงาน พิจารณาครอบคลุมถึงสถานการณ์ปกติ สถานการณ์ไม่ปกติ และสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงการกำหนดมาตรการควบคุมความเสี่ยงเพื่อลดโอกาสการเกิดและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในการปฏิบัติงานนั้น ๆ  

     โดยบริษัทฯ มีการสื่อสารมาตรการความปลอดภัยที่กำหนดไว้ให้ผู้ปฏิบัติงานทุกคนได้รับทราบและยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และมีการตรวจติดตามเพื่อประเมินความเสี่ยงในขณะปฏิบัติงานจริง ตลอดจนทบทวนผลการดำเนินงานภายหลังเสร็จสิ้นงานด้วยการประเมินความเสี่ยงประกอบด้วยขั้นตอนและเครื่องมือชี้บ่งอันตรายที่ครอบคลุมความเสี่ยงทั้งของงานประจำและงานไม่ประจำ เช่น Job Safety Analysis (JSA) ทั้งนี้บริษัทฯ มีกระบวนการศึกษาและพิจารณาการใช้เครื่องมือชี้บ่งอันตรายอื่น ๆ ที่หลากหลายและทันสมัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับความเสี่ยงของกิจกรรมต่าง ๆ ให้การชี้บ่งอันตรายมีความละเอียดและครอบคลุมความเสี่ยงมากยิ่งขึ้นในการประเมินความเสี่ยงประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญ ดังนี้

ขั้นตอนประเมินความเสี่ยงในการทำงาน

 

ลำดับขั้นตอนการควบคุมความเสี่ยงด้านความปลอดภัย 

   งานที่มีความเสี่ยงระดับปานกลางจนถึงระดับสูงจะถูกนำมากำหนดวิธีปฎิบัติงานและมาตรการป้องกันความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน เพื่อบรรเทาและควบคุมความเสี่ยง   โดยมีแนวทางในการพิจารณาการควบคุมความเสี่ยงตามลำดับขั้นการควบคุมความเสี่ยงด้านความปลอดภัย (Hierarchy of Safety Risk Controls) ดังนี้


 

    โดยบริษัทฯ มีการกำหนดมาตรการจัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ตามลำดับขั้นการควบคุมความเสี่ยงด้านความปลอดภัย (Hierarchy of Safety Risk Controls) ตลอดจนกำหนดแผนการสื่อสาร การเฝ้าระวังและติดตามความเสี่ยง ซึ่งหัวหน้างานมีหน้าที่ประเมินความเสี่ยงและสื่อสารให้กับผู้ปฏิบัติงานทุกคนทราบก่อนเริ่มปฏิบัติงาน โดยใช้เครื่องมือชี้บ่งอันตรายดังกล่าวข้างต้น นอกจากนี้ พนักงานและผู้รับเหมาทุกคนสามารถหยุดปฏิบัติงานได้หากพบเห็นอันตรายหรือความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ทั้งนี้สำหรับอุบัติเหตุขั้นร้ายแรง บริษัทฯ มอบหมายให้คณะกรรมการความปลอดภัยฯ ทำการสอบสวนอุบัติการณ์ที่เกิดขึ้นทันที เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติการณ์นั้นๆ และนำไปสู่การกำหนดมาตรการป้องกันและลดความเสี่ยง รายงานการสอบสวนอุบัติการณ์ มาตรการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุการณ์ซ้ำ รวมทั้งสถานะการแก้ไขจะถูกนำไปรายงานในที่ประชุมคณะกรรมการความปลอดภัยฯ เป็นประจำทุกเดือน

 

การประเมินและบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน 

    บริษัทฯ มีกระบวนการสำรวจพื้นที่และประเมินความเสี่ยงทางด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานโดยเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับวิชาชีพจะประเมินความเสี่ยงในแต่ละขั้นตอนการปฏิบัติงานแต่ละพื้นที่เสี่ยง จากการประเมินความเสี่ยงพบว่าบริษัทฯ มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการดำเนินงาน เนื่องจากการปฏิบัติงานร่วมกับเครื่องจักรในสายการผลิตที่มีความร้อน สารเคมี และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่อาจก่อให้เกิดอัคคีภัย ซึ่งอาจส่งต่อความปลอดภัย การบาดเจ็บ สุขภาพ รวมถึงคุณภาพชีวิตในการทำงาน โดยมีการประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นทั้งต่อพนักงาน คู่ค้า ผู้รับเหมา ผู้มาติดต่อ และผู้มาปฏิบัติงานภายในบริษัทฯ รวมถึงอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายต่อกระบวนการผลิตและทรัพย์สินของบริษัทฯ อาจทำให้ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องและอาจส่งผลให้กระบวนการผลิตเกิดการหยุดชะงัก บริษัทฯ จึงมีการวางมาตรการป้องกันและลดความเสี่ยงอย่างรัดกุม สอดคล้องกับความเสี่ยงที่ประเมิน ดังนี้

     1. การสร้างวัฒนธรรมการตระหนักถึงอาชีวอนามัยและความปลอดภัย รวมทั้งสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัย ด้วยการอบรมและทบทวนวิธีการทำงานกับเครื่องจักรที่ถูกต้องให้กับพนักงาน  คู่ค้า  ผู้รับเหมา  ผู้มาติดต่อ และผู้มาปฏิบัติงานภายในบริษัทฯ อย่างสม่ำเสมอ และการจัดกิจกรรมด้านอาชีวอนามัย และความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี รวมทั้งป้ายเตือนในพื้นที่สุ่มเสี่ยงที่ต้องระมัดระวัง เพื่อบรรเทาความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและสร้างการตะหนักบริเวณพื้นที่ปฏิบัติงานมากขึ้น
     2. การกำหนดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment: PPE)  เบื้องต้นที่เป็นจำเป็นต่อพนักงานทุกคน ต้องสวมใส่อุปกรณ์ดังกล่าวทุกครั้งก่อนเข้าสู่พื้นที่การผลิต
     3. การจัดหาภาชนะที่เหมาะสมและกำหนดพื้นที่อย่างชัดเจน  สำหรับจัดเก็บวัสดุที่ใช้ในกระบวนการผลิต  การซ่อมแซมเครื่องจักรอย่างเหมาะสม รัดกุม และสม่ำเสมอตามแผนที่กำหนด เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการลุกติดไฟ
     4. การออกแบบและปรับปรุงสภาพแวดล้อมในบริเวณพื้นที่การผลิตเพื่อป่องกันน้ำมันและสารเคมีรั่วไหลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
     5. กำหนดและปรับปรุงกฎระเบียบในการปฏิบัติงานกับเครื่องจักรในบริเวณพื้นที่การผลิตและการซ่อมบำรุง  รวมไปไถึงการจัดเก็บสินค้า การขนส่งให้ชัดเจนและรัดกุมมากขึ้น  เพื่อป้องกันและบรรเทาความเสี่ยงจากอัคคีภัยทั้งต่อชีวิตของพนักงาน  คู่ค้า   ผู้รับเหมา   ผู้มาติดต่อ และผู้มาปฏิบัติงานภายในบริษัทฯ และทรัพย์สินของบริษัทฯ 
     6. จัดรอบการทำความสะอาดเครื่องจักรและรางสายไฟอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดการสะสมของฝุ่นพลาสติกและคราบน้ำมันในบริเวณพื้นที่การผลิต โดยส่วนงานผลิตหรือเจ้าของงานผู้รับผิดชอบ
 
   นอกจากนี้  บริษัทฯ  ยังให้ความสำคัญกับสุขอนามัย และความปลอดภัยในการทำงานของผู้รับเหมา และผู้มาปฏิบัติงานภายในบริษัทฯ  โดยใช้แนวทางปฏิบัติที่สอดคล้องตามกฎกระทรวงในเรื่องการกำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย  และสภาพแวดล้อมในการทำงานในทุกโรงงานของบริษัทฯ มีระบบการบริหารจัดการและกำกับดูแลผู้รับเหมาครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอน การคัดเลือกผู้รับเหมา การบริหารจัดการผู้รับเหมา ตลอดจนกระบวนการตรวจสอบ เพื่อให้มั่นใจว่าความเสี่ยงด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานได้รับการป้องกันด้วยวิธีการที่เหมาะสม
 

 

เป้าหมายด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย

   บริษัทฯ มีการตั้งเป้าหมายที่จะลดอัตราความถี่ของการบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงาน (Lost Time Injury Frequency Rate: LTIFR) ของพนักงานและผู้รับเหมาให้เป็นศูนย์ โดยมีการกำหนดเป้าหมายรายปีแยกระหว่างพนักงานและผู้รับเหมา บริษัทฯ มีการดำเนินงานทางด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานตามนโยบายและแผนงานที่กำหนด ทั้งการฝึกอบรมพนักงานทุกระดับตามกฏหมายกำหนด การตรวจประเมินทางด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย การตรวจประเมินผู้รับเหมา การเตรียมความพร้อมและตอบสนองต่อสภาวะฉุกเฉินโดยมีแผนตอบโต้อย่างทันท่วงที และมีมาตรการที่เหมาะสมครอบคลุมไปยังผู้รับเหมา ผู้มาติดต่อบริษัทฯ

ผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย


 

     บริษัทฯ ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย LTIFR ที่ตั้งไว้เป็นศูนย์ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดอุบัติการณ์ซ้ำในอนาคต บริษัทฯ จึงได้กำหนดการดำเนินการแก้ไขที่ขั้นตอนจากลำดับขั้นการควบคุมความเสี่ยงด้านความปลอดภัย (Hierarchy of Safety Risk Controls) รวมถึงการควบคุมทางวิศวกรรม (Engineering Control) เช่น การออกแบบอุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากเครื่องจักร (Safety Guard) ที่เหมาะสม การกำหนดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment : PPE) ที่จำเป็นรวมถึงมีกระบวนการประเมินความเสี่ยงที่ชัดเจนและรัดกุม เป็นต้น พร้อมทั้งจัดให้มีมาตรการป้องกันอุบัติเหตุผ่านโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ เช่น

         

กิจกรรม Safety Talk

     

   บริษัทฯ นำกระบวนการสนทนาเรื่องความปลอดภัยในการทำงานในพื้นที่โรงงานมาเป็นกระบวนการในการช่วยสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานให้กับพนักงาน คู่ค้า และผู้รับเหมา โดยให้ทุกภาคส่วนได้สนทนากันเกี่ยวกับการสร้างความปลอดภัยให้เกิดขึ้นกับตัวเองและกระบวนการทำงานเป็นการสร้างกระบวนการเรียนรู้ผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยในเรื่องต่าง ๆ และยังเป็นประโยชน์ในการป้องกันรวมถึงวิธีการปฏิบัติงานที่ถูกต้อง เช่น การใช้เครื่องจักร อุปกรณ์ และสารเคมีที่ถูกต้อง เป็นต้น 

 

การอบรมด้านความปลอดภัย

   

     บริษัทฯ สนับสนุนและจัดให้มีการอบรมเพื่อเพิ่มความรู้ และทักษะทางด้านความปลอดภัยให้กับพนักงานทุกระดับ ตามความจำเป็นของสายงานและตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ความปลอดภัยสำหรับพนักงาน การปฐมพยาบาลและการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเบื้องต้น การซ้อมอพยพหนีไฟและการฝึกอบรมการดับเพลิงขั้นต้นเป็นประจำทุกปี

 

กิจกรรมสัปดาห์ความปลอดภัย

    บริษัทฯ จัดกิจกรรมสัปดาห์ความปลอดภัยเพื่อสร้างจิตสำนึกและความตระหนักทางด้านความปลอดภัย   อาชีวอนามัย  และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่จะนำไปสู่วัฒนธรรมด้านความปลอดภัยที่ดีในองค์กรและช่วยกระตุ้นให้พนักงานได้ทบทวนความรู้ความเข้าใจด้านความปลอดภัยในการทำงาน และยังเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมที่นำไปสู่ความปลอดภัย ซึ่งเป็นรากฐานของความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ

 

การตรวจสอบด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

   บริษัทฯ ได้มีการตรวจวัด และประเมินสภาพแวดล้อมในการทำงานอย่างสม่ำเสมอ  เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ปฏิบัติงานทุกคนทำงานในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งผลการตรวจวัดล่าสุดพบว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล อุปกรณ์ฉุกเฉิน ชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้แก่ผู้ปฏิบัติงานอย่างเหมาะสมกับลักษณะงานเพียงพอต่อการใช้งานและสะดวกต่อการเข้าถึง นอกจากนี้บริษัทฯ มีการจัดทำโครงการสำรวจเหตุการณ์เกือบเกิดอุบัติเหตุ (Near Miss) เพื่อผลักดันและเปิดโอกาสให้มีการรายงานเหตุการณ์ที่เกือบก่อให้เกิดการเสียหายต่อทรัพย์สินหรือการบาดเจ็บต่อบุคคล พร้อมแนวทางแก้ไข เพื่อให้การดูแลป้องกันความปลอดภัยครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด และมีการรวบรวมข้อเสนอของพนักงานเป็นข้อมูลและนำมาประเมินระดับความเสี่ยงเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันความเสี่ยง นอกจากนี้บริษัทฯ ได้มีการประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพและความปลอดภัยในทุกพื้นที่

    บริษัทฯ กำหนดเป้าหมายในการควบคุมค่าระดับเสียงในทุกพื้นที่ของบริษัทฯ โดยค่าระดับเสียงเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ไม่เกิน 70 เดซิเบลเอ และค่าระดับเสียงสูงสุด ไม่เกิน 115 เดซิเบลเอ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องกำหนดค่าระดับเสียงรบกวนและระดับเสียงที่เกิดจากการประกอบกิจการโรงงาน พ.ศ. 2548

    โดยปีพ.ศ. 2567 พบว่าคุณภาพเสียงมีค่าเกินมาตรฐานเกณฑ์ของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยพบว่าบางพื้นที่ มีค่าคุณภาพเสียงเฉลี่ย 8 ชั่วโมง เท่ากับ 86 และ 90 เดซิเบลเอ บริษัทฯ จึงได้มีนโยบายการอนุรักษ์การได้ยิน และมีการจัดมาตรการอนุรักษ์การได้ยิน เพื่อเป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงโดยการปฏิบัติดังนี้
     - ควบคุมระดับเสียงที่พนักงานได้รับเฉลี่ยตลอดเวลาการทำงาน  8  ชั่วโมง  ไม่ให้เกิน  85  เดซิเบลเอ โดยควบคุมแหล่งกำเนิดเสียงหรือทางผ่านของเสียง หรือจัดหาอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล (Personal Protective Equipmentซ PPE) ที่สามารถลดระดับเสียงดังที่เหมาะสมให้กับพนักงาน และส่งเสริมการใช้งานอย่างถูกต้อง
     - เฝ้าระวังการปฏิบัติงานของพนักงานที่ทำงานในพื้นที่ที่มีระดับเสียงดังเฉลี่ยตลอดระยะเวลาการทำงาน 8 ชั่วโมง เกิน 85 เดซิเบลเอ ไม่ให้มีการสูญเสียการได้ยิน
     - ตรวจสมรรถภาพการได้ยินของพนักงานกลุ่มเสี่ยง   เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มการสูญเสียการได้ยิน   และนำไปใช้ในการเลือกวิธีการป้องกัน และการแก้ไขที่เหมาะสมถูกต้อง
     - ประชาสัมพันธ์ให้พนักงานทราบถึงพื้นที่ที่มีความเสียงและให้ความรู้ในเรื่องอันตรายจากเสียงดัง การควบคุม ป้องกัน และการใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล
     - ทั้งนี้พนักงานทุกคนที่ปฎิบัติงานในพื้นที่ที่มีระดับเสียงดังเฉลี่ยตลอดระยะเวลาการทำงาน  8  ชั่วโมง  ตั้งแต่  85  เดซิเบลเอขึ้นไป  ต้องปฏิบัติตนด้วยจิตสำนึกความปลอดภัยในการป้องกันอันตรายจากเสียงดัง และลดความเสี่ยงในการสูญเสียการได้ยิน
     -  ปลูกฝังวัฒนธรรมคำนึงถึงการควบคุมคุณภาพเสียงและอันตรายที่อาจเกิดจากเสียงดังให้แก่พนักงานทุกระดับ   โดยจัดทำป้ายเตือน อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ที่จำเป็นในการสวมใส่ก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิต และได้รับการอบรมเกี่ยวกับอันตรายจากเสียงดัง และวิธีปฏบิตังานและการใช้อุปกรณ์ป้องกันเสียงอย่างเหมาะสม