
การบริหารห่วงโซ่อุปทาน
การดำเนินธุรกิจที่ต้องเผชิญกับความท้าทาย ความเสี่ยง รวมทั้งโอกาสต่าง อาทิ ปัญหาการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้า ส่งผลต่อความผันผวนด้านการขนส่ง ความผันผวนทางด้านวัตถุดิบของบริษัทฯ และส่งผลต่อราคาของวัตถุดิบ ซึ่งการบริหารจัดการวัตถุดิบของบริษัทฯ จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก รวมทั้งการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารห่วงโซ่อุปทานของการประกอบกิจการที่มีความรับผิดชอบร่วมกันทั้งห่วงโซ่อุปทาน อีกทั้งเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าของบริษัทฯ จึงควรมีการดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบและคำนึงถึงด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม อาทิ การเคารพสิทธิมนุษยชน การบริหารนวัตกรรมสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Products)การต่อต้านทุจริต และคอร์รัปชัน เป็นต้น ซึ่งรวมถึงการคำนึงถึงจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้า สอดคล้องกับการกำกับดูแลกิจการของบริษัทฯ กฎระเบียบ ข้อบังคับ มาตรการ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องรวมทั้งตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน(Sustainable Development Goals: SDGs) ในเป้าหมายที่ 9 และ 16
นโยบายการจัดซื้อจัดจ้าง
การจัดซื้อจัดจ้างที่มีประสิทธิภาพ มีความรับผิดชอบ โปร่งใส เป็นธรรม และคำนึงถึงการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงการจัดซื้อจัดจ้าง ตั้งแต่การสรรหาคู่ค้า การคัดเลือกคู่ค้ามีศักยภาพทางด้านคุณภาพ ราคา ความคุ้มค่า การให้บริการ ความต่อเนื่องทางธุรกิจและความยั่งยืน ตลอดจนศักยภาพการทำงานของคู่ค้าร่วมกันกับบริษัทฯ และคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของส่วนรวมเป็นสำคัญ สนับสนุนและส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างภายในประเทศและมีจริยธรรม อยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง โปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล รวมทั้งความรับผิดชอบต่อสังคม อีกทั้งจัดซื้อจัดจ้างอย่างมีความรับผิดชอบต่อสินค้าและการให้บริการ ส่งมอบสินค้าและบริการตามเวลาที่กำหนด
นโยบายการจัดซื้อจัดจ้าง รายละเอียดเพิ่มเติม
นโยบายการชำระหนี้
บริษัท เอ.เจ.พลาสท์ จำกัด (มหาขน) ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ (Credit terms) แก่คู่ค้าและ/หรือเจ้าหนี้ของบริษัทฯ เนื่องจากสภาพคล้องนับเป็นปัจจัยสำคัญทางด้านการเงินที่ทำให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น ทั้งนี้บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการกำหนดนโยบายการชำระหนี้ให้แก่คู่ค้า โดยกำหนดระยะเวลาเฉลี่ยการชำระหนี้แก่คู่ค้า ปี 2566 เป็นเวลา 94.38 วัน เพื่อให้บริษัทฯ และคู่ค้าสามารถประกอบธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
นโยบายการชำระหนี้ รายละเอียดเพิ่มเติม

วิสัยทัศน์ ปีพ.ศ. 2566 - พ.ศ. 2569
"ต้นแบบการดำเนินธุรกิจที่ดีของอุตสาหกรรมฟิล์มพลาสติกในการบริหารห่วงโซ่อุปทาน"
เป้าหมาย


กลยุทธ์ด้านการบริหารห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน
บริษัทฯ ดำเนินกลยุทธ์ด้านห่วงโซ่อุปทานเพื่อยกระดับการกำกับดูแลกิจการและการพัฒนาอย่างยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน สอดคล้องกับนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและจรรยาบรรณธุรกิจสำหรับคู่ค้าของบริษัทฯ โดยการดำเนินธุรกิจด้วยการจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องตามกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืนของบริษัทฯ บริษัทฯ มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อยกระดับการแข่งขันและตอบสนองความต้องการของลูกค้า ดังนี้
1. การยกระดับการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียวและพัฒนานวัตกรรมอย่างยั่งยืน
การจัดซื้อจัดจ้างและจัดหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพ มาจากแหล่งที่มีคุณภาพ รวมทั้งร่วมพัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับวัตถุดิบร่วมกับ คู่ค้า คู่ธุรกิจ และอาจต่อเนื่องไปถึงลูกค้าของบริษัทฯ ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ออกแบบและพัฒนานวัตกรรมตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน รวมทั้งการจัดหาวัตถุดิบที่คำนึงถึงจริยธรรม ความเท่าเทียม และเคารพถึงสิทธิมนุษยชน ดำเนินธุรกิจอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง โปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ เคารพในทรัพย์สินทางปัญญา ปกป้องข้อมูลที่เป็นความลับของบริษัทฯ รวมถึงร่วมต่อต้านการทุจริต และคอร์รัปชัน อีกทั้งมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยการเคารพสิทธิมนุษยชน การคุ้มครองแรงงาน การไม่เลือกปฏิบัติ ไม่กำหนดเรื่อง เชื้อชาติ สัญชาติ เผ่าพันธุ์ เพศ ภาษา อายุ สีผิว ความแตกต่างทางด้านร่างกาย ศาสนา วัฒนธรรม ความเชื่อในลัทธิ ความคิดเห็นทางการเมือง การศึกษา และสถานภาพทางสังคม มาเป็นตัวกำหนดความน่าเชื่อถือของบริษัทคู่ค้าและมีผลต่อการตัดสินใจในการทำธุรกิจร่วมกัน รวมทั้ง การไม่บังคับใช้แรงงาน การจ่ายค่าตอบแทนและผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม ให้ความสำคัญด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของแรงงาน รวมทั้ง สภาพแวดล้อมในการทำงานตลอดห่วงโซ่อุปทานของบริษัทฯ
2. การยกระดับและปรับตัวพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง
มีการบริหารและติดตามความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ที่ครอบคลุมทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ มีมาตรการบรรเทาความเสี่ยงในด้านที่เกี่ยวข้อง ที่ส่งผลต่อต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งปรับตัวในการบริหารจัดการคู่ค้า ตั้งแต่การบริหารจัดการความผันผวนของราคาวัตถุดิบและการขาดแคลนของวัตถุดิบ การจัดซื้อขัดข้างวัตถุที่มีคุณภาพ การวิเคราะห์คู่ค้า ทั้งคู่ค้าหลักและคู่ค้าทางตรงอื่น ๆ ประเมินความเสี่ยงและมีมาตรการลดความเสี่ยงคู่ค้าหลักและคู่ค้าที่มีความเสี่ยงสูงควบคุมไปพร้อมกัน อีกทั้งการบริหารจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า ตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมทั้งจัดส่งสินค้าแล้วเสร็จภายในระยะที่กำหนด และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ตามแนวโน้มของลูกค้าและผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด
3. การมีส่วนร่วมต่อผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ยกระดับการบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่อุปทานตั้งต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตั้งแต่คู่ค้า พนักงานของบริษัทฯ ลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และอื่น ๆ โดยสร้างความร่วมมือตลอดห่วงโซ่อุปทาน บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะส่งต่อหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งการจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การพัฒนานวัตกรรมในการผลิตที่มีประสิทธิภาพ การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม การจัดส่งสินค้าตามกำหนด รวมทั้งการบริหารจัดการความสัมพันธ์ของคู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
4. การบูรณาการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG)
การเพิ่มขีดความสามารถและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานภาพรวมของบริษัทฯ การผนวกการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล(ESG) เป็นสิ่งสำคัญและเป็นรากฐานในการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน และการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบตลอดห่วงโซ่อุปทานจะเป็นการสร้างขีดความสามารถและประสิทธิภาพในวงกว้าง สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นและผลักดันการบูรณาการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล เข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานให้ได้มากที่สุด และดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่อง
แผนการบริหารห่วงโซ่อุปทาน
แผนการประเมินคู่ค้า
เพื่อประเมินความเสี่ยงและร่วมสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนในการบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่อุปทาน ผ่านกระบวนการประเมินความเสี่ยงที่สอดคล้องทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environment, Social and Governance: ESG)
กระบวนการประเมินคู่ค้าใหม่และคู่ค้าปัจจุบัน
การคัดเลือกคู่ค้าใหม่
บริษัทฯ คัดเลือกคู่ค้าใหม่ (Supplier Selection) โดยฝ่ายจัดซื้อทำการตรวจเช็คและตรวจสอบข้อมูลบริษัทเบื้องต้นแล้ว พบว่ามีแนวโน้มที่สามารถเป็นคู่ค้ารายใหม่ของบริษัทฯ มีความน่าเชื่อถือ และมีนโยบาย แนวปฏิบัติสอดคล้องกับบริษัทฯ รวมทั้งคัดกรองบริษัทคู่ค้าตามเกณฑ์ต่าง ๆ ของบริษัทฯ สอดคล้องด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ (บรรษัทภิบาล) เพื่อวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น
การคัดกรองความเสี่ยงเบื้องต้นคู่ค้าใหม่
บริษัทฯ มุ่งมั่นและผลักดันให้คู่ค้าใหม่ได้ตระหนักถึงการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงบรรษัทภิบาล ผ่านการประเมินความเสี่ยงด้วยตนเอง และเป็นการคัดกรองความเสี่ยงเบื้องต้นของบริษัทฯ เพื่อการพิจาณา ตรวจเช็ค และตรวจสอบคู่ค้าใหม่ โดยคู่ค้าใหม่ที่ได้รับการคัดกรองความเสี่ยงเบื้องต้น ควรได้คะแนนไม่ต่ำร้อยละ 50 ถึงจะผ่านการคัดกรองความเสี่ยงและได้รับการอนุมัติการขึ้นทะเบียนคู่ค้าใหม่และนำเข้าสู่ระบบของบริษัทฯ ต่อไป
ขั้นตอนการคัดกรองความเสี่ยงเบื้องต้นของคู่ค้าใหม่
เพื่อประเมินความเสี่ยงและร่วมสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน การบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่อุปทาน ผ่านกระบวนการประเมินความเสี่ยงที่สอดคล้องทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG)

เกณฑ์การคัดเลือกคู่ค้าใหม่

การจัดลำดับและการประเมินความเสี่ยงคู่ค้า
บริษัทฯ มีการจำแนก วิเคราะห์ จัดลำดับ และประเมินความเสี่ยงคู่ค้ารวมทั้งการวิเคราะห์ความสำคัญของคู่ค้า และจำแนกคู่ค้าหลักและคู่ค้าทางตรง อีกทั้งการบูรณาการการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลเป็นเกณฑ์ในการประเมินความเสี่ยง เพื่อติดตามและบรรเทาความเสี่ยงคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง สร้างการเติบโตและขีดจำกัดให้กับบริษัทคู่ค้าอย่างยั่งยืน
การจัดลำดับคู่ค้า
บริษัทฯ กำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดกลุ่มประเภทคู่ค้า โดยสามารถวิเคราะห์และกำหนดกลยุทธ์ในการดำเนินงานด้านการจัดซื้อจัดจ้างอย่างเป็นระบบ และนำไปเป็นข้อมูลในการประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับคู่ค้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจำแนกหลักเกณฑ์ในการจัดกลุ่มคู่ค้า ดังนี้
1. คู่ค้าหลัก (Critical Tier 1 Suppliers)
คู่ค้าที่มีการซื้อขายสม่ำเสมอและมียอดมูลค่าการสั่งซื้อสูง เป็นคู่ค้าที่เกี่ยวข้องกับสินค้าทดแทนยากและอยู่ในกลุ่มสินค้าหรือบริการที่มีความสำคัญต่อกระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์ มีผู้เล่นในตลาดน้อยราย โดยบริษัทฯ มีการดำเนินการประเมินคู่ค้ากลุ่มนี้ผ่านทางแบบประเมินตนเองรายปีของคู่ค้า (Self-assessment) ในลักษณะของ Pre-Qualification Questionnaire เพื่อเป็นหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกคู่ค้าที่มีศักยภาพ และ/หรือมีการเยี่ยมชมพื้นที่ (On-site visit) โดยอ้างอิงกับการประเมินคู่ค้ารายเดือนของฝ่ายจัดซื้อ และแผนการตรวจประเมินและเข้าเยี่ยมประจำปี
2. คู่ค้ารอง (Non-Critical Tier 1 Suppliers)
คู่ค้าที่มียอดการใช้งานปานกลางหรือมียอดมูลค่าการสั่งซื้อปานกลางถึงต่ำ มีผู้เล่นในตลาดจำนวนเพียงพอหรือเกินพอ โดยบริษัทฯ มีการดำเนินการประเมินคู่ค้ากลุ่มนี้ผ่านทางแบบประเมินตนเองของคู่ค้า (Self-assessment) ในลักษณะของ Pre-Qualification Questionnaire และ/หรือการเยี่ยมชมพื้นที่ (On-site visit) ตามความเหมาะสม อ้างอิงกับการประเมินคู่ค้ารายเดือนของฝ่ายจัดซื้อ และแผนการตรวจประเมินและเข้าเยี่ยมประจำปี
3. คู่ค้าโดยตรง (Tier 1 Suppliers)
คู่ค้าที่มีการซื้อขายอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นคู่ค้าของบริษัทฯ มีรายละเอียดข้อมูลอยู่ในระบบบริหารจัดการของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ มีการดำเนินการประเมินคู่ค้ากลุ่มนี้ผ่านทางแบบประเมินตนเองของคู่ค้า (Self-assessment) ในลักษณะของ Pre-Qualification Questionnaire และ/หรือการเยี่ยมชมพื้นที่ (On-site visit) ตามความเหมาะสม อ้างอิงกับการประเมินคู่ค้ารายเดือนของฝ่ายจัดซื้อ และแผนการตรวจประเมินและเข้าเยี่ยมประจำปี
4. คู่ค้าหลักทางอ้อม (Critical Non-Tier 1 Suppliers)
คู่ค้าหลักของคู่ค้าหลักของบริษัทฯ ที่ไม่ได้มีการซื้อขายหรือมียอดสั่งซื้อ หรือทำธุรกิจกับบริษัทฯโดยตรง แต่เป็นคู่ค้าที่มีความสำคัญต่อคู่ค้าหลักของบริษัทฯ
ขั้นตอนจัดลำดับคู่ค้า
การประเมินความเสี่ยงคู่ค้า
บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารห่วงโซ่อุปทาน คำนึงถึงความเสี่ยงและโอกาสต่าง ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามระหว่างประเทศรัสเซีย-ยูเครน ความผันผวนด้านวัตถุดิบ ราคาของวัตถุดิบ ซึ่งการบริหารจัดการวัตถุดิบ การประเมินความเสี่ยงคู่ค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อติดตามและเฝ้าระวังความเสี่ยงต่าง ๆ รวมทั้งแสวงหาโอกาสต่าง ๆ ที่อาจเป็นการเพิ่มความสามารถและขีดจำกัดของบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างยั่งยืน
บริษัทฯ กำหนดเกณฑ์ในการระบุและประเมินความเสี่ยงของคู่ค้า ทั้งความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม และความเสี่ยงด้านสังคม เพื่อการยกระดับและพัฒนาคู่ค้าของบริษัทฯ โดยระบุความเสี่ยง วิเคราะห์ความเสี่ยง จัดลำดับความเสี่ยง โดยการประเมินโอกาสที่อาจเกิดขึ้นของเหตุการณ์ (Likelihood) และผลกระทบ (Impact)
กระบวนการประเมินความเสี่ยงคู่ค้า
.jpg)
การระบุความเสี่ยงคู่ค้า
การตรวจประเมินและเข้าเยี่ยมคู่ค้ารายปี
การตรวจประเมินและเข้าเยี่ยมลูกค้าของบริษัทฯ จะดำเนินการกับคู่ค้าหลักและคู่ค้าที่มีความเสี่ยงสูงก่อน และจะดำเนินการเข้าเยี่ยมคู่ค้าโดยตรงรายอื่นต่อไป และเมื่อเข้าเยี่ยมการตรวจประเมินคู่ค้าแล้ว ทางคู่ค้าจะต้องแจ้งกลับแผนและแนวทางปฏิบัติเพื่อแก้ไขสิ่งที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดและคำขอให้ดำเนินการแก้ไข (Corrective Action Request)ที่ได้รับแก่บริษัทฯ โดยในปีพ.ศ. 2567 บริษััทฯ กำหนดเป้าหมายในการเข้าตรวจประเมินและ เข้าเยี่ยมคู่ค้าหลัก จำนวน 6 รายและสามารถเข้าตรวจประเมินและเข้้าเยี่ยมคู่ค้าหลัก ได้สำเร็จจำนวน 3 ราย คิดเป็นร้อยละ 50 ของจำนวนคู่ค้าหลักทั้งหมด
ขั้นตอนการตรวจประเมินและเข้าเยี่ยมคู่ค้า
การตรวจประเมินและเข้าเยี่ยมคู่ค้าปีพ.ศ. 2567

ผลการดำเนินงาน
การคัดเลือกคู่ค้าใหม่

การจัดลำดับคู่ค้า
จากการจำแนกคู่ค้าที่มีสินค้าทดแทนยากและอยู่ในกลุ่มสินค้าหรือบริการที่มีความสำคัญต่อกระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์ มีผู้เล่นในตลาดน้อยราย รวมทั้งวิเคราะห์ยอดการซื้อขายคู่ค้าที่มียอดสูงสุดในกลุ่มดังกล่าว สามารถจำแนกกลุ่มของคู่ค้าที่มีความสำคัญต่อการผลิตและผลิตภัณฑ์ ดังนี้
การประเมินความเสี่ยงคู่ค้า
การรับทราบและการปฏิบัติตามจรรยาบรรณธุรกิจสำหรับคู่ค้า

การเยี่ยมชมคู่ค้ารายปีพ.ศ. 2566 - พ.ศ. 2567
โครงการร่วมกับคู่ค้าของบริษัทฯ
บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของคู่ค้า ผ่านการจัดทำโครงการเพื่อยกระดับศักยภาพของคู่ค้า โดยมีแนวทางการดำเนินงานตามมาตรฐานการบริหารจัดการวัตถุดิบอย่างยั่งยืน เพื่อให้บริษัทฯ สามารถคงไว้ซึ่งมาตรฐานและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และบรการ และได้รับวัตถุดิบที่มีคุุณภาพอย่างต่อเนื่องจากคู่ค้า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงสามารถส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุุมชนและสังคม
การยกระดับความสามารถอย่างยั่งยืนของคู่ค้าและคู่ธุรกิจ
โครงการอบรมความปลอดภัยในการทำงานสำหรับผู้รับเหมา
โครงการยกระดับทำปฏิบัติงานของผู้รับเหมาในพื้นที่ของบริษัทฯ อย่างปลอดภัย และสามารถลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุภายในพื้นที่โรงงาน
โครงการยกระดับทักษะและความเชี่ยวชาญของผู้รับเหมา
โครงการอบรมในด้านทำงานกับความร้อนและประกายไฟให้กับผู้รับเหมา โดยการให้ความรู้เกี่ยวกับการทำงานกับความร้อนและประกายไฟให้กับผู้รับเหมาที่เข้ามาปฏิบัติงานในพื้นของบริษัทฯ เพื่อวัตถุประสงค์ในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและอัคคีภัย
โครงการพัฒนานวัตกรรมการนำพลาสติกที่เหลือจากกระบวนการผลิตหมุนเวียนกลับเป็นเม็ดพลาสติก
บริษัทฯ ร่วมมือกับบริษัท แอมพาเซ็ท (ประเทศไทย) จำกัด ในการพัฒนาร่วมกันในการนำพลาสติกที่เหลือจากกระบวนการผลิตของบริษัทฯ หมุนเวียนกลับเป็นเม็ดพลาสติก โดยบริษัทฯ นำเม็ดพลาสติกดังกล่าวซึ่งเป็นวัตถุดิบ กลับเข้าสู่กระบวนการผลิตอีกครั้ง สอดคล้องตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน สามารถช่วยลดการใช้วัตถุดิบจากฟอสซิลลง ในปี 2567 บริษัทฯ สามารถลดการใช้วัตถุดิบจากฟอสซิลลง
โครงการพัฒนานวัตกรรมฟิล์มพลาสติกจากพลาสติกที่ใช้แล้ว BOPP (PCR-BOPP film) และ CPP (PCR-CPP film)
ฟิล์มพลาสติกจากพลาสติกที่ใช้แล้วชนิด BOPP และชนิด CPP ที่ผลิตจากขยะพลาสติกใช้แล้ว ผลิตเป็นเม็ดพลาสติกโพลีโพรพิลีน (PP) จากบริษัท เอชเอ็มซี โพลีเมอร์์ จำกัด และหมุนเวียนผลิตเป็นฟิล์มพลาสติก ซึ่งสามารถลดการใช้สารตั้งต้นจากฟอสซิลและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
โครงการยกระดับทักษะและความเชี่ยวชาญของผู้รับเหมา
โครงการอบรมในด้านทำงานกับความร้อนและประกายไฟให้กับผู้รับเหมา โดยการให้ความรู้เกี่ยวกับการทำงานกับความร้อนและประกายไฟให้กับผู้รับเหมาที่เข้ามาปฏิบัติงานในพื้นของบริษัทฯ เพื่อวัตถุประสงค์ในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและอัคคีภัย
การสร้างความร่วมมือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตร่วมกับคู่ธุรกิจ
ความร่วมมือในการนำเทคโนโลยีทันสมัยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

บริษัทฯ สร้างความร่วมมือกับบริษัท บรุคเนอร์ กรุ๊ป เอเชีย-แปซิฟิก จำกัด (Brückner Group Asia-Pacific Co., Ltd.) โดยการนำสายการผลิตฟิล์มพลาสติก BO ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดสำหรับการผลิตฟิล์ม BO ช่วยในการเพิ่มกำลังการผลิตด้วยความเร็วสูง ส่งผลให้ประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 60
โครงการหมุนเวียนกรวยพลาสติก

บริษัทฯ ร่วมมือกับคู่ค้าในการพัฒนากรวยพลาสติกจากพลาสติกเหลือจากกระบวนการผลิตของบริษัทฯ ส่งให้คู่ค้าผลิตกรวยพลาสติก และหมุนเวียนส่งกลับมาให้บริษัทฯ ใช้งานเป็นบรรจุภัณฑ์ รวมทั้งมีการหมุนเวียนใช้ร่วมกับลูกค้าในการใช้ซ้ำ ซึ่งช่วยลดการใช้วัตถุดิบจากฟอสซิลลง 52.36 ตัน คิดเป็นการลดก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 172.66 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
โครงการสายรัดจากพลาสติกที่เหลือจากกระบวนการผลิต
บริษัทฯ ร่วมมือกับคู่ค้าในการพัฒนาสายรัดพลาสติกจากพลาสติกเหลือจากกระบวนการผลิตของบริษัทฯ ส่งให้คู่ค้าผลิตกรวยพลาสติก และหมุนเวียนส่งกลับมาให้บริษัทฯ ใช้งานเป็นบรรจุภัณฑ์ ซึ่งช่วยลดการใช้วัตถุดิบจากฟอสซิลลง 17.43 ตัน คิดเป็นการลดก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 98.63 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
โครงการแลกเปลี่ยนพาเลทพลาสติกกับคู่ค้า

บริษัทฯ ร่วมมือกับคู่ค้าพาเลท โดยนำพาเลทพลาสติกที่ไม่สามารถใช้งานได้ นำกลับไปรีไซเคิลด้วยการส่งกลับให้กับคู่ค้าและหมุนเวียนส่งกลับมาให้บริษัทฯ ใช้งานเป็นบรรจุภัณฑ์ซึ่งเป็นการช่วยลดการใช้วัตถุดิบจากฟอสซิลลง 4.69 ตัน คิดเป็นการลดก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 15.47 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า