การบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 
 
 

ความสำเร็จของบริษัทฯ ในปี 2566

1.ติดตั้งโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 3.6 เมกะวัตต์ ลด GHG ได้ 2,799 ตันคาร์บอนออกไซด์ต่อปี

2.ติดตั้งโครงการหมุนเวียนน้ำกลับมาใช้ใหม่ (Water Reuse) ประหยัดค่าใช้จ่ายน้ำประปา 500,000 บาทต่อปี

3.ติดตั้งโครงการถังกรองกักเก็บบริเวณผิวน้ำ (Skimming  Tank) ประหยัดค่าใช้จ่ายการใช้น้ำ 529,250 บาทต่อปี

      การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรมผลิตฟิล์มพลาสติกบรรจุภัณฑ์ ด้วยความที่บริษัทฯเป็นส่วนหนึ่งของภาคอุตสาหกรรมฯซึ่งเป็นภาคที่มีการใช้พลังงานสูงและมีการผลิตผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่สินค้าบรรจุภัณฑ์ บริษัทฯจึงมุ่งเป้าหมายในการลดก๊าซเรือนกระจกโดยเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตฟิล์มที่มีคุณภาพสูง ในขณะเดียวกัน ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ใช้พลังงานในกระบวนการผลิตต่ำ ลดการเกิดของเสียน้อยที่สุดและใช้ทรัพยากรที่อย่างมีประสิทธิภาพในทุกกระบวนการ

 

เป้าหมาย

 

เป้าหมายระยะสั้น

เป้าหมายระยะกลาง

เป้าหมายระยะยาว

◉ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 5 เปรียบเทียบกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี พ.ศ.2565

◉ บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในระดับองค์กร (Carbon Neutrality) ร้อยละ 30 ภายในปี พ.ศ. 2573

◉ ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 7 ภายในปี พ.ศ. 2568 จากปี พ.ศ.2564

◉ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตั้งเป้าหมายในการบรรลุคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (NET ZERO Emissions) ภายในปี พ.ศ.2608

 

การบริหารจัดการการก๊าซเรือนกระจก

โครงสร้างการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

    บริษัทฯ กำหนดโครงสร้างการกำกับและบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครอบคลุมตั้งแต่ระดับกรรมการบริษัทและถ่ายทอดไปยังระดับปฏิบัติการ เพื่อให้การบริหารจัดการการดำเนินงานสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวไปกับวิสัยทัศน์ พันธกิจของบริษัทฯ

         โดยคณะกรรมการปฏิบัติงานบรรษัทภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน มีนายกิตติภัต สุทธิสัมพัทน์ กรรมการผู้จัดการ ดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการฯ มีบทบาทในการบริหารโอกาสและความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ      


      

ประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิบัติงานด้านบรรษัทภิบาลและการพัฒนาความยั่งยืน

 

มาตรฐานการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก

◉ บริษัทฯ ได้รับการรับรองระบบการจัดการเศรษฐกิจหมุนเวียน สําหรับองค์กรเล่ม 2 ข้อกำหนด (Circular Economy Management System For Organization Part 2: Requirements (CEMs))

◉ บริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานการบริหารจัดการคาร์บอนอย่างยั่งยืน (International Sustainability & Carbon Certification:ISCC PLUS)

◉ บริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานการรีไซเคิลทั่วโลก (Global Recycle Standard: GRS)

 

ผลการดำเนินงาน

การปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรทางตรงและทางอ้อม (ขอบเขต 1 2 และ 3)

     ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในองค์กรจากการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัทฯ การรายงานดังกล่าวครอบคลุมเฉพาะการดำเนินกิจกรรมของโรงงานซึ่งตั้งอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น ยังไม่ครอบคลุมการดำเนินของบริษัทร่วมทุน

     การคำนวนปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ดำเนินงานตามมาตรฐาน GHG Protocol Corporate Accounting and Reporting Standardsและแนวทางการประเมินก๊าซเรือนกระจกขององค์กรตามองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) โดยใช้วิธีการรายงานแบบควบคุม (Operational Control Approach) ก๊าซเรือนกระจกที่อยู่ในขอบข่ายการติดตามผล ได้แก่

1.ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)  
2.ก๊าซมีเทน (CF4)
3.ก๊าซไนตรัสออกไซด์ (N2O)  
4.ก๊าซไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFC)  
5.ก๊าซเปอร์ฟลูออโรคาร์บอน (PFC)
6.ซัลเฟอร์เฮกซะฟลูออไรด์ (SF6)   
7.ไนโตรเจนไตรฟลูออไรด์ (NF3)   
     

      ใน ปี 2566 บริษัทฯ เลือกกิจกรรมทางธุรกิจที่มีนัยสำคัญในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขต 3 เท่านั้น เพิ่มเติมนอกเหนือจากปีก่อน ได้แก่ การซื้อวัตถุดิบและบริการ การกำจัดขยะ การขนส่งกำจัดขยะ การขนส่งวัตถุดิบ และกระจายสินค้า เป็นต้น ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีนัยสำคัญในห่วงโซ่คุณค่า มีการจัดเก็บและรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังผ่านการทวนสอบข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของค์กร เพื่อการรายงานข้อมูลด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และมีความน่าเชื่อถือ

ตารางแสดงปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในองค์กร ขอบเขต 1 2 และ 3 ประจำปี 2566

ขอบเขต

เป้าหมาย 2566 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

2564

2566

ขอบเขต 1

เพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.2

18,493

19,271

ขอบเขต 2

ลดลง ร้อยละ 19.7

85,680

68,790

ขอบเขต 3

เพิ่มขึ้น ร้อยละ 17.5

435,655

511,938

รวม

เพิ่มขึ้น ร้อยละ 11.1

539,828

599,999

หมายเหตุ:

1.หน่วย เป็น ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
2.ข้อมูลดังกล่าวผ่านการทวนสอบจากหน่วยงานที่ได้รับการรับรองและทวนสอบตามข้อกำหนดขององค์การบริหารจัดการก๊าซรือนกระจก (องค์การมหาชน) 
3.ขอบเขตการรายงานครอบคลุมบริษัทเอ.เจ.พลาสท์ จำกัด (มหาชน) ยกเว้นบริษัทร่วมทุน
 

      ในปี 2566 พบว่าปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง 19,271  ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าและปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม 68,790  ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่นๆ 511,938  ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า รวม 599,999  ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเพิ่มขึ้นจากปีฐานร้อยละ 11.1 เนื่องจากในปี 2566 บริษัทฯ กำหนดขอบเขตเพิ่มเติมในขอบเขตที่ 3 ส่งผลให้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มมากขึ้นจากปีก่อนและประกอบกับการขยายฐานการผลิตของโรงงานนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 5

 

ความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อตันการผลิต(ขอบเขต 1 และ 2)

      บริษัทฯ กำหนดค่าความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยเปรียบเทียบปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อปริมาณการผลิต (ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ต่อตันการผลิต) ดังนี้

ตารางแสดงค่าความเข้มข้นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขต 1และ 2 ต่อปริมาณการผลิต        

ค่าความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ขอบเขต 1 และ 2 ต่อตันการผลิต

2564

2566

ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขอบเขต 1 และขอบเขต 2

0.63

0.60

 

 

 

 

ตารางแสดงค่าความเข้มข้นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขต 1-3 ต่อปริมาณการผลิต

ค่าความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ขอบเขต 1 2 และ 3 ต่อตันการผลิต

2564

2566

ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขอบเขต 1 ขอบเขต 2 และขอบเขต 3

3.26

4.10

 

 

 
 
หมายเหตุ:
1.หน่วย เป็นตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อตัน
2.ข้อมูลดังกล่าวผ่านการทวนสอบจากหน่วยงานที่ได้รับการรับรองและทวนสอบตามข้อกำหนดขององค์การบริหารจัดการก๊าซรือนกระจก (องค์การมหาชน) 
3.ขอบเขตการรายงานครอบคลุมบริษัทเอ.เจ.พลาสท์ จำกัด (มหาชน) ยกเว้นบริษัทร่วมทุน
 

การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากผลิตภัณฑ์

       บริษัทฯ ประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่คุณค่าทางธุรกิจ โดยได้รวบรวมปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมต่างๆในกระบวนการผลิต ตามแนวทางของ GHG Protocol Corporate Value Chain Standard โดยบริษัทฯ ได้มีการคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์ ฟิล์มบีโอพีอีที ชนิดใสธรรมดา (Plain BOPET Film)รวมทั้งคำนึงถึงความเสี่ยงและโอกาสทางธุรกิจ โดยเฝ้าระวังและติดตามมาตรการ Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) จาก European GreenDeal (EGD) ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญที่มีการนำไปสู่การปฏิบัติและส่งผลต่อประเทศคู่ค้าทั่วโลก เพื่อขับเคลื่อนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)และมาตรการดังกล่าวอยู่ในขอบข่ายความสนใจของบริษัทฯ ซึ่งอาจมีแนวทางบริหารจัดการในอนาคต

ตารางแสดงปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์

ขอบเขต

การปล่อย GHG ของการได้มาและการใช้ประโยชน์ วัตถุดิบ พลังงาน และทรัพยากร

การปล่อย GHG ของการขนส่ง วัตถุดิบ พลังงาน และทรัพยากร

รวม

การได้มาของวัตถุดิบ

2.76

0.02

2.78

การผลิต 

0.17

0.00

0.17

รวม

2.93

0.02

2.95

 
หมายเหตุ
1.หน่วย เป็นตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
2.ข้อมูลดังกล่าวผ่านการทวนสอบจากหน่วยงานที่ได้รับการรับรองและทวนสอบตามข้อกำหนดขององค์การบริหารจัดการก๊าซรือนกระจก (องค์การมหาชน) 
 

โครงการขับเคลื่อนการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก

โครงการขับเคลื่อนสู่ Net Zero EEC เพื่อสนับสนุนการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ เพื่อระบบซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในพื้นที่ EEC

      ในปี 2566 บริษัทฯ ได้เข้าร่วมโครงการขับเคลื่อนสู่ Net Zero EEC เพื่อสนับสนุนการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศเพื่อระบบซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในพื้นที่ EEC โดยสถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  โดบยบริษัทฯ ทำการวิเคราะห์ข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตเฉพาะปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขององค์กร รวมถึงการทวนสอบและรับรองผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดย โดยสถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  เพื่อเตรียมเข้าร่วมโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program : T-VER) ซึ่งเป็นกลไกที่มีเป้าหมายในการส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ผลิตและใช้พลังงานหมุนเวียน ภาคอุตสาหกรรมที่มีกิจกรรมการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน การบริหารจัดการของเสีย

ตารางแสดงการเข้าร่วมโครงการขับเคลื่อนสู่ Net Zero EEC

รายการ

ปี 2566

Net Zero EEC

T-VER

การเข้าร่วมโครงการ

เครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (Thailand Carbon Neutral Network)

      บริษัทฯ เข้าร่วมเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (Thailand Carbon Neutral Network) ประเภท “องค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก” (Climate Action Leading Organization) เพื่อแสดงความเป็นผู้นำในการจัดการและรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรผ่านการแสดงเจตนารมณ์ที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในระดับองค์กร โดยบริษัทฯได้รับรางวัลประเภททั่วไป ซึ่งมีผลการประเมินสำหรับตรวจวัดและการลดในระดับทองและระดับทองแดงตามลำดับ

 

โครงการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ส่งเสริมการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างยั่งยืน

โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 4.6 เมกะวัตต์

      บริษัทฯ ติดตั้งโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาโรงงานนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังและปิ่นทอง 5 ขนาดทั้งหมด 5 เมกะวัตต์ ขนาดกำลังผลิตปัจจุบัน 4.6 เมกะวัตต์โครงการดังกล่าวสามารถผลิตไฟฟ้าทดแทนการใช้ไฟฟ้าจากสายส่งได้จำนวน 7 ล้านกิโลวัตต์ ในช่วงเวลาการดำเนินงานตั้งแต่เดือนมกราคม - ธันวาคม 2567 บริษัทฯ คาดการณ์ว่าสามารถลดก๊าซเรือนกระจกจากโครงการได้จำนวน 3,436 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี โดยในปี 2566 บริษัทฯ สามารถลดการใช้ไฟฟ้าเท่ากับ 1.9 ล้านกิโลวัตต์ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 981 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

 
 

โครงการหมุนเวียนน้ำกลับมาใช้ใหม่ (Water Reuse)  

      ในปี 2566 บริษัทฯ ริเริ่มใช้บ่อกักเก็บน้ำฝน ขนาด 10,000 ลูกบาศก์สามารถลดการใช้น้ำประปาลงได้ ประมาณ 21,114 ลูกบาศก์เมตรต่อปี หรือประมาณ 500,000 บาทต่อปี สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 5.4  ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมในการบริหารจัดการน้ำ

โครงการถังกรองกักเก็บบริเวณผิวน้ำ  (Skimming  Tank)

      ในปี 2566 บริษัทฯ มีแผนติดตั้งถังกรองกักเก็บบริเวณผิวน้ำ   (Skimming Tank) ซึ่งมี Activated carbon ช่วยในการกรอง กักเก็บสิ่งสปรกบริเวณผิวน้ำ และกำจัดออก สามารถลดการใช้น้ำ 18,250 ลูกบาศก์เมตรต่อปี คิดเป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจก  4.7 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี และสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมในการบริหารจัดการน้ำ

โครงการรีไซเคิลเศษพลาสติกโดยตรง (Direct Flake Dosing: DFD)

      บริษัทฯ จัดทำโครงการรีไซเคิลเศษพลาสติกโดยตรง สามารถลดกระบวนการนำเศษพลาสติกไปหลอมและลดค่าการใช้พลังงานไฟฟ้า ซึ่งสามารถลดการใช้วัตถุดิบจากฟอสซิลได้ 723.75 ตันคิดเป็น 27.5 ล้านบาท และสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 1,362 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลง 9 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี และสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 39 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นการลดก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 19,499 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่หัวข้อ การบริหารจัดการของเสีย

โครงการรักษ์ต้นไม้ ตามรอยเศรษฐกิจพอเพียง

      บริษัทฯ เข้าร่วมโครงการรักษ์ต้นไม้ ตามรอยเศรษฐกิจพอเพียง ปลูกป่าชายเลนเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว ณ ป่าชายเลนบ้านแหลมฉบัง ซึ่งโครงการมีการปลูกต้นไม้จำนวนทั้งสิ้น 200 ต้น คิดเป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 3 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่หัวข้อ การบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ