
การบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ความสำเร็จของบริษัทฯ ในปีพ.ศ. 2567
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นพร้อมทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจในปัจจุบันก่อให้เกิดวิกฤติด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรมผลิตฟิล์มพลาสติกบรรจุภัณฑ์ ด้วยความที่บริษัทฯเป็นส่วนหนึ่งของภาคอุตสาหกรรมฯ ซึ่งเป็นภาคที่มีการใช้พลังงานสูงและมีการผลิตผลิตภัณฑ์ที่เป็นสินค้าบรรจุภัณฑ์ บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นในการลดก๊าซเรือนกระจกโดยเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตฟิล์มที่มีคุณภาพสูง ในขณะเดียวกัน ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ใช้พลังงานในกระบวนการผลิตต่ำ ลดการเกิดของเสียน้อยที่สุดและใช้ทรัพยากรที่อย่างมีประสิทธิภาพในทุกกระบวนการ รวมทั้งร่วมมือกับลูกค้าและคู่ค้า ในการดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อมุ่งสู่ Net Zero ภายในปีพ.ศ. 2608
เป้าหมาย


การบริหารจัดการการก๊าซเรือนกระจก
โครงสร้างการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
บริษัทฯ กำหนดโครงสร้างการกำกับและบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครอบคลุมตั้งแต่ระดับกรรมการบริษัทและถ่ายทอดไปยังระดับปฏิบัติการ เพื่อให้การบริหารจัดการการดำเนินงานสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวไปกับวิสัยทัศน์ พันธกิจของบริษัทฯ
โดยคณะกรรมการปฏิบัติงานบรรษัทภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน มีนายกิตติภัต สุทธิสัมพัทน์ กรรมการผู้จัดการ ดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการฯ มีบทบาทในการบริหารโอกาสและความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
.jpg)
ประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิบัติงานด้านบรรษัทภิบาลและการพัฒนาความยั่งยืน
มาตรฐานการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก
◉ บริษัทฯ ได้รับการรับรองระบบการจัดการเศรษฐกิจหมุนเวียน สําหรับองค์กร (Circular Economy Management System: CEMs)
◉ บริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานการบริหารจัดการคาร์บอนอย่างยั่งยืน (International Sustainability and Carbon Certification:ISCC PLUS)
ผลการดำเนินงาน
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรทางตรงและทางอ้อม (ขอบเขต 1-3)
ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในองค์กรจากการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัทฯ การรายงานดังกล่าวครอบคลุมเฉพาะการดำเนินกิจกรรมของโรงงานซึ่งตั้งอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น ยังไม่ครอบคลุมการดำเนินของบริษัทร่วมทุน
การคำนวนปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ดำเนินงานตามมาตรฐาน GHG Protocol Corporate Accounting and Reporting Standardsและแนวทางการประเมินก๊าซเรือนกระจกขององค์กรตามองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) โดยใช้วิธีการรายงานแบบควบคุม (Operational Control Approach) ก๊าซเรือนกระจกที่อยู่ในขอบข่ายการติดตามผล ได้แก่
ในปีพ.ศ. 2567บริษัทฯ เลือกกิจกรรมทางธุรกิจที่มีนัยสำคัญในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขต 3 เท่านั้น เพิ่มเติมนอกเหนือจากปีก่อน ได้แก่ การซื้อวัตถุดิบและบริการ การกำจัดขยะ การขนส่งกำจัดขยะ การขนส่งวัตถุดิบ และกระจายสินค้า เป็นต้น ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีนัยสำคัญในห่วงโซ่คุณค่า มีการจัดเก็บและรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังผ่านการทวนสอบข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของค์กร เพื่อการรายงานข้อมูลด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และมีความน่าเชื่อถือ
ตารางแสดงปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในองค์กร ขอบเขต 1-3 ประจำปีพ.ศ. 2567
1.หน่วย เป็น ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
2.ข้อมูลดังกล่าวผ่านการทวนสอบจากหน่วยงานที่ได้รับการรับรองและทวนสอบตามข้อกำหนดขององค์การบริหารจัดการก๊าซรือนกระจก (องค์การมหาชน)
3.ขอบเขตการรายงานครอบคลุมบริษัทเอ.เจ.พลาสท์ จำกัด (มหาชน) ยกเว้นบริษัทร่วมทุน
ตารางปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของขอบเขต 3
1.หน่วย เป็น ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
2.ข้อมูลดังกล่าวผ่านการทวนสอบจากหน่วยงานที่ได้รับการรับรองและทวนสอบตามข้อกำหนดขององค์การบริหารจัดการก๊าซรือนกระจก (องค์การมหาชน)
3.ขอบเขตการรายงานครอบคลุมบริษัทเอ.เจ.พลาสท์ จำกัด (มหาชน) ยกเว้นบริษัทร่วมทุน
ในปีพ.ศ. 2567พบว่าปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง 18,877 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าและปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม 61,165 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่นๆ 440,234 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า รวม 520,276 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือลดลงจากปีฐานร้อยละ 3.62 เนื่องจากในปีพ.ศ. 2567บริษัทฯ มีเครื่องจักรไลน์ผลิตใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการผลิตสูงส่งผลให้มีการใช้พลังงานลดน้อยลง
ความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อตันการผลิต(ขอบเขต 1 และ 2)
บริษัทฯ กำหนดค่าความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยเปรียบเทียบปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อปริมาณการผลิต (ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ต่อตันการผลิต) ดังนี้
ตารางแสดงค่าความเข้มข้นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขต 1และ 2 ต่อปริมาณการผลิต
ตารางแสดงค่าความเข้มข้นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขต 1-3 ต่อปริมาณการผลิต
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากผลิตภัณฑ์
บริษัทฯ ประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่คุณค่าทางธุรกิจ โดยได้รวบรวมปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมต่างๆในกระบวนการผลิต ตามแนวทางของ GHG Protocol Corporate Value Chain Standard โดยบริษัทฯ ได้มีการคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์ จำนวน 4 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ฟิล์ม ซีพีพี (CPP film) ฟิล์ม บีโอพีพี (BOPP film) ฟิล์ม บีโอพีเอ (BOPA film)และ ฟิล์มบีโอพีอีที (BOPET Film)รวมทั้งคำนึงถึงความเสี่ยงและโอกาสทางธุรกิจ โดยเฝ้าระวังและติดตามมาตรการ Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) จาก European GreenDeal (EGD) ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญที่มีการนำไปสู่การปฏิบัติและส่งผลต่อประเทศคู่ค้าทั่วโลก เพื่อขับเคลื่อนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)และมาตรการดังกล่าวอยู่ในขอบข่ายความสนใจของบริษัทฯ ซึ่งอาจมีแนวทางบริหารจัดการในอนาคต
ตารางแสดงปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์
โครงการขับเคลื่อนการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก
โครงการการพัฒนาบุคลากรวิจัยสมรรถนะสูงในหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชน สำหรับการเป็น Carbon Verifier ในภาคอุตสาหกรรม
บริษัทฯ เข้าร่วมโครงการการพัฒนาบุคลากรวิจัยสมรรถนะสูงในหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชน สำหรับการเป็น Carbon Verifier ในภาคอุตสาหกรรม ที่ได้รับการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ซึ่งบริษัทฯ จัดทำกรณีศึกษาการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ จำนวน 1 ผลิตภัณฑ์ คือ ฟิล์มบีโอพีเอ รวมถึงได้รับการทวนสอบและรับรองผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งผลจากการดำเนินการดังกล่าว บริษัทฯ มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตฟิล์มบีโอพีเอ 9.25 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
โครงการ Achieve Climate Action Set a challenging Target to NET ZERO
บริษัทฯ เข้าร่วมโครงการ Achieve Climate Action Set a challenging Target to NET ZERO สำหรับการรับคำปรึกษาจากบริษัทที่ปรึกษากับบริษัทเพื่อเสนอแนะแนวทางการกำหนดเป้าหมาย NET ZERO ขององค์กรตามกรอบและแนวทางของ Science Based Targets Initiative (SBTi) ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งผลการดำเนินการ บริษัทฯ ผ่านการประเมินตามหลักการและแนวทางของ SBTi โดยได้รับการปรึกษาจากบริษัท Environmental Resources Managementหรือ ERM ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โครงการการทดสอบแพลตฟอร์มคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรเพื่อมุ่งสู่ NET ZERO
บริษัทเข้าร่วมโครงการการทดสอบแพลตฟอร์มคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรเพื่อมุ่งสู่ NET ZERO เพื่อสนับสนุนการกรอกข้อมูลสำหรับการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรในรูปแพลตฟอร์มเป็นบริษัทกลุ่มแรก โดยร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และบริษัท พิมส์ เทคโนโลจิส จำกัด ผลการดำเนินดังกล่าว บริษัทฯ ได้รับใบประกาศนียบัตรผ่านการทดสอบแพลตฟอร์มคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรเพื่อมุ่งสู่ NET ZERO โดยบริษัทดำเนินการกรอกข้อมูลสำหรับการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรครบตามเงื่อนไขของโครงการ
โครงการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ส่งเสริมการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างยั่งยืน
โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 5 เมกะวัตต์
บริษัทฯ ติดตั้งโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาโรงงานนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังและปิ่นทอง 5 ขนาด 5 เมกะวัตต์ ขนาดกำลังผลิตรวม 5.26 เมกะวัตต์ โดยพบว่าปีพ.ศ. 2567 โครงการดังกล่าวสามารถผลิตไฟฟ้าทดแทนการใช้ไฟฟ้าจากสายส่งได้จำนวน 6.98 ล้านกิโลวัตต์ สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 26.18 ล้านบาท คิดเป็นการลดก๊าซเรือนกระจกจากโครงการได้จำนวน 3,490.21 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชนิดลอยน้ำขนาด 1 เมกะวัตต์
บริษัทฯ ดำเนินการติดตั้งโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชนิดลอยน้ำขนาด 1 เมกะวัตต์ ณ นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 5 คาดการณ์ในช่วงเวลาดำเนินการตั้งแต่มกราคมถึงธันวาคม พ.ศ. 2568 สามารถผลิตไฟฟ้าทดแทนการใช้ไฟฟ้าจากสายส่งได้จำนวน 1.38 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 3.75 ล้านบาท คิดเป็นการลดก๊าซเรือนกระจกจากโครงการได้จำนวน 499.90 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
โครงการถังกรองกักเก็บบริเวณผิวน้ำ
ในปีพ.ศ. 2567บริษัทฯ มีแผนติดตั้งถังกรองกักเก็บบริเวณผิวน้ำ (Skimming Tank) ซึ่งมี Activated carbon ช่วยในการกรอง กักเก็บสิ่งสปรกบริเวณผิวน้ำ และกำจัดออก สามารถลดการใช้น้ำ 8,196.00 ลูกบาศก์เมตรต่อปี คิดเป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 2.11 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี และสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมในการบริหารจัดการน้ำ
โครงการหมุนเวียนน้ำกลับมาใช้ใหม่
ในปีพ.ศ. 2567บริษัทฯ ริเริ่มใช้บ่อกักเก็บน้ำฝน ขนาด 10,000.00 ลูกบาศก์สามารถลดการใช้น้ำประปาลงได้ ประมาณ 56,346.35 ลูกบาศก์เมตรต่อปี หรือประมาณ 1.49 ล้านบาทต่อปี สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 14.51 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมในการบริการจัดการน้ำ
โครงการรีไซเคิลเศษพลาสติกโดยตรง (Direct Flake Dosing: DFD)
บริษัทฯ จัดทำโครงการรีไซเคิลเศษพลาสติกโดยตรง สามารถลดกระบวนการนำเศษพลาสติกไปหลอมและแปรรูปเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิล ซึ่งสามารถลดการใช้วัตถุดิบจากฟอสซิลได้ 7,694.82 ตัน คิดเป็น 236.30 ล้านบาทและสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 15,025.84 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลง 11.35 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี และสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 43.93 ล้านบาท คิดเป็นการลดก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 5,674.80 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่หัวข้อ การบริหารจัดการของเสีย
โครงการรักษ์ต้นไม้ ตามรอยเศรษฐกิจพอเพียง
บริษัทฯ เข้าร่วมโครงการรักษ์ต้นไม้ ตามรอยเศรษฐกิจพอเพียง ปลูกป่าชายเลนเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว ณ ป่าชายเลนบ้านแหลมฉบัง ซึ่งโครงการมีการปลูกต้นไม้จำนวนทั้งสิ้น 1,599 ต้น คิดเป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 21.98 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่หัวข้อ การบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ
โครงการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสู่ระดับสากล
บริษัทฯ ดำเนินการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างมีความรับผิดชอบตามระบบการจัดการเศรษฐกิจ หมุนเวียน สําหรับองค์กร เล่ม 2 ข้อกําหนด (Circular Economy Management System: CEMs) รวมทั้ง ได้รับการรับรองฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Products : CFP) 4 ผลิตภัณฑ์ โดยเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ที่มีสวนผสมของวัตถุดิบรีไซเคิลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามการรับรองมาตรฐานการรีไซเคิลระดับทั่วโลกในผลิตภัณฑ์ Global Recycled Standard: GRS) ในปีพ.ศ. 2567บริษัทฯ สามารถลดปริมาณการใช้วัตถุดิบจากแหล่งฟอซซิลได้ 2,401.61 ตัน และสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 4,590.25 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า